หนุ่มไว้ใจธนาคาร ฝากไว้กว่าครึ่งล้าน แต่เงินหาย ได้ยินคำชี้แจงยิ่งโกรธจัด
หนุ่มอุตส่าห์ทำงานหนัก - ประหยัดอดออม เพื่อเก็บเงินแต่งงาน ไว้ใจธนาคารกว่าครึ่งล้าน แต่เงินหาย ได้ยินคำชี้แจงยิ่งโกรธจัด
กลายเป็นประเด็นที่หลายคนต่างให้ความในใจอย่างมากในโลกออนไลน์ตอนนี้ เมื่อมีรายงาน "เงินหาย" ของหนุ่มรายหนึ่งในประเทศจีน ที่เขาตั้งใจจะเก็บเงินก้อนนี้ไว้แต่งงาน และเขาก็ไม่อยากรบกวนเงินของพ่อแม่ จึงตั้งใจขยันทำงานอย่างหนักเพื่อเก็บเงินไว้ใช้ในงานแต่ง หลังจากใช้ชีวิตประหยัดอดออมมานานหลายปี ในที่สุดหวงก็สามารถเก็บเงินได้มากถึง 140,000 หยวน หรือ ราวๆ 663,000 บาท
เพราะเงินจำนวนดังกล่าวมีจำนวนค่อนข้างมาก ชายหนุ่มจึงแบ่งเงินสำหรับนำไปฝากธนาคาร 4 ครั้ง โดย 2 ครั้งแรก ครั้งละ 50,000 หยวน และ 2 ครั้งหลัง อีกครั้งละ 20,000 หยวน จนเงินทั้งหมด 140,000 หยวน ถูกฝากครบอยู่ในธนาคาร แน่นอนว่า เมื่ออยู่ในธนาคารใครๆ ก็รู้สึกปลอดภัย รวมถึงเขาด้วย แต่ความจริงแล้วเขาคิดผิด
เพราะหลังจากนั้นประมาณ 3 เดือนต่อมา ชายหนุ่มได้พบหญิงสาวที่ต้องการจะแต่งงานด้วย เขาจึงเดินทางไปที่ธนาคารเพื่อกดเงินก้อนแรกจำนวน 20,000 หยวน แต่ปรากฏว่าทางพนักงานแจ้งว่า ไม่มีเงินอยู่ในบัญชีนั้นเลย เขารู้สึกตกใจมาก จึงรีบเช็กเงินทั้งหมดในบัญชี และผลก็คือ เงินทั้งหมด 140,000 หยวน ไม่มีเหลืออยู่ในบัญชีของเขาเลยแม้แต่หยวนเดียว
ชายหนุ่มร้อนใจมาก รีบแจ้งทางเจ้าหน้าที่ธนาคารให้ตรวจสอบโดยด่วน หลังจากตรวจเช็กหลายครั้ง ทางเจ้าหน้าที่ก็ยืนยันว่า ยอดเงินในบัญชีของเขาเป็นศูนย์ เพื่อความแน่ใจ เขาจึงถามย้ำกับทางธนาคารว่าระบบมีข้อผิดพลาดหรือไม่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่าไม่มีกรณีเช่นนั้น เมื่อได้ทราบว่าเงินของเขาหายไปจากบัญชีจริงๆ เขาก็ไม่พอใจมาก
ชายหนุ่มตะโกนเสียงดังโวยวายในธนาคาร พร้อมทั้งหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาบันทึกภาพสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่ธนาคารจะรีบเข้าไปห้ามปรามและให้เขาหยุดการกระทำดังกล่าว ซึ่งถือว่าผิดกฎระเบียบของธนาคาร แต่ด้วยอารมณ์โกรธ เขาจึงไม่ยอมหยุดง่ายๆ ทางเจ้าหน้าที่จึงไปตามหัวหน้าและผู้จัดการธนาคารมาเจรจา พร้อมทั้งเชิญให้เขาไปที่สำนักงานใหญ่เพื่อรับฟังข้อชี้แจง
ภายหลังจากการตรวจสอบโดยละเอียดพบว่า ตอนที่ชายหนุ่มมาฝากเงินที่ธนาคาร มีขั้นตอนที่เขาต้องทำผ่านทางโทรศัพท์ ในขณะที่เขากำลังพยายามหาวิธีทำอยู่นั้น มีพนักงานธนาคารคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาสังเกตเห็น และเสนอให้ความช่วยเหลือ ก่อนที่จะดำเนินการให้จนเสร็จสิ้น โดยเขาไว้ใจพนักงานรายดังกล่าว จึงไม่ได้ทำการตรวจสอบยอดเงินในบัญชีขณะนั้น
ทางผู้อำนวยการธนาคารอธิบายต่อว่า เงินในบัญชีของเขาไม่ได้สูญหายไป เพียงแต่พนักงานธนาคารนำไปซื้อหุ้นไว้ให้ โดยใช้รหัสของพนักงานเพื่อรับค่าคอมมิชชัน เมื่อได้ฟังชายหนุ่มก็รับไม่ได้กับการกระทำดังกล่าว และเรียกร้องให้ทางธนาคารดำเนินการนำเงินของเขากลับคืนมาเร็ว แต่ทางธนาคารกลับแจ้งว่า ไม่สามารถทำได้โดยง่ายและต้องใช้เงินจำนวนมาก เนื่องจากสัญญาการซื้อขายหุ้นถูกเซ็นไปแล้ว
ในที่สุด ชายหนุ่มจึงเข้าแจ้งความกับทางตำรวจเพื่อให้ดำเนินคดี โดยชี้ว่า พนักงานธนาคารเอาเงินของเขาไปซื้อหุ้น โดยที่เขาไม่รู้เรื่อง ในขณะที่เขาไว้ใจให้พนักงานช่วยเหลือในการทำธุรกรรม แต่พนักงานกลับแอบลงทะเบียนบริการและนำเงินของเขาไปซื้อหุ้น ซึ่งจุดประสงค์ของเขาคือต้องการเก็บเงินเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อลงทุนซื้อหุ้น และที่สำคัญคือเขาไม่ได้อนุญาตหรือยินยอมกับเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับคดีความที่เกิดขึ้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งของจีน การกระทำของทางเจ้าหน้าที่ธนาคารรายดังกล่าว ถือว่าจงใจละเมิดสิทธิได้รู้ (Right to Know) ของประชาชน ซึ่งมีสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายที่จะได้ทราบข้อมูลสำคัญส่วนบุคคล ดังนั้น ชายหนุ่มจึงไม่ต้องรับผิดชอบค่าชดเชยตามสัญญาการซื้อขายหุ้นดังกล่าว และทางธนาคารจะต้องรับผิดชอบคืนยอดเงินทั้งหมดกลับเข้าบัญชีเขา
ข้อมูลจาก Kenh14