2 ผัวเมียขำไม่ออก ผลตรวจ DNA บอกเลี้ยงลูกคนอื่นมา 12 ปี ทั้งๆ ที่ไม่มีใครนอกใจ

จู่ๆ ก็กลายเป็นปัญหาครอบครัวขึ้นมาซะงั้น เมื่อสามีภรรยาคู่หนึ่งในสหรัฐอเมริกา ที่คิดว่าการตรวจดีเอ็นเอที่บ้านเป็นเรื่องที่ง่ายมากขึ้นในปัจจุบัน พวกเขาจึงได้ซื้อชุดตรวจ DNA มาทดสอบแบบขำๆ กันในครอบครัว โดยที่ไม่ได้คิดอะไรมากมาย แต่ผลลัพธ์กลับเผยความจริงที่ไม่มีใครคาดคิด 

 

เรื่องราวนี้เกิดขึ้นกับ ดอนน่า จอห์นสัน และ แวนเนอร์ สามีของเธอ จากเมืองซอลต์ เลก ซิตี ในรัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกา ที่ได้ทำการเก็บตัวอย่างส่งไปตรวจดีเอ็นเอ รวมถึงลูกชาย 2 คน ได้แก่ แวนเนอร์ จูเนียร์ ลูกชายคนโตอายุ 18 ปี และทิม ลูกชายคนเล็กอายุ 12 ปี กระทั่งหลังจากผ่านไป 6 สัปดาห์ เมื่อผลการตรวจออกมาทางออนไลน์ ดอนน่าได้อ่านแล้วก็ตกใจและคิดว่าต้องมีอะไรผิดพลาด

 

แต่ผลปรากฏว่า แวนเนอร์ เป็นพ่อทางสายเลือดกับแวนเนอร์ จูเนียร์ ลูกชายคนโต ส่วนทิม ลูกชายคนเล็ก ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับสามีของเธอ นั่นหมายความว่า สามีเลี้ยงลูกชายของคนอื่นมานานถึง 12 ปี โดยที่ไม่รู้ว่าพ่อที่แท้จริงของเขาคือใคร ซึ่งมันเป็นความจริงที่น่าขนลุกสำหรับครอบครัวมาก เพราะพวกเขาไม่เคยมีเรื่องนอกใจ แม้ภรรยาจะพยายามนึกหาสาเหตุ จนตระหนักได้ว่า มันน่าจะเกิดจากความผิดพลาดของคลินิกผสมเทียม

ทั้งนี้ ดอนน่าเผยว่า เธอและสามี พบรักกันตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลาย ก่อนที่จะแต่งงานกันในปี 2546 จากนั้นทั้งสองก็มีลูกชายคนแรกด้วยกัน นั่นก็คือ แวนเนอร์ จูเนียร์ ทั้งสองตื่นเต้นและดีใจมาก จึงอยากจะมีลูกอีกคน แต่พบว่ามีปัญหาทางสุขภาพจึงไม่สามารถมีลูกได้ตามธรรมชาติ ดังนั้นพวกเขาจึงไปทดลองทำเด็กหลอดแก้วในปี 2550 โดยใช้ไข่ของดอนน่า และสเปิร์มของแวนเนอร์

 

ใช่ว่าความพยายามครั้งแรกจะสำเร็จ แต่ในปีเดียวกันนั้น ดอนน่าและสามีได้ลองอีกครั้งจนได้ลูกอีกคนสมใจ ซึ่งเธอให้กำเนิดทิม ลูกชายคนที่ 2 ในเดือนสิงหาคม 2551 ดอนน่า เผยว่า ตอนนั้นเธอรู้สึกเหมือนว่า เป็นปาฏิหาริย์ แม้ว่าลูกชายทั้งสองคนของเธอจะดูแตกต่างกัน แต่เธอก็ไม่ได้คิดอะไร โดยพี่ชายแวนเนอร์ จูเนียร์ มีดวงตาสีฟ้าและผมสีสว่างเหมือนพ่อ ในขณะที่ทิม มีผมสีเข้มเหมือนแม่

 

เมื่อผลการทดสอบดีเอ็นเอปรากฏออกมาเช่นนี้ ทำให้ดอนน่าและสามีต่างสงสัยว่า ใครคือพ่อผู้ให้กำเนิดของทิม และเขาจะถูกพรากไปจากครอบครัวหรือไม่ ตัวของเธอเองเครียดถึงขนาดเกิดภาวะซึมเศร้า แต่ก็โชคดีที่ทนายความสามารถให้ความมั่นใจกับทั้งคู่ได้ว่า ทั้งสองยังคงเป็นพ่อแม่ตามกฎหมายของเขาอยู่ 

หลังจากปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญ เธอและสามีตกลงว่าจะบอกความจริงกับลูกชายคนเล็กของพวกเขา เพราะหากปล่อยให้คนโตกว่านี้ อาจจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากขึ้น กระทั่งในเดือนตุลาคม 2563 ดอนน่าและสามีได้พาทิม ออกไปกินไอศกรีมและบอกความจริงกับเขา พร้อมทั้งเน้นย้ำว่าพ่อกับแม่รักเขามากเหมือนเดิม 

ซึ่งลูกชายคนเล็กในวัย 12 ปี ของพวกเขามีความเข้าใจอย่างน่าทึ่ง เขาไม่เพียงแค่ไม่โวยวายร้องไห้เสียใจ แต่ยังยอมรับความจริงอย่างใจเย็น และไม่กี่สัปดาห์หลังจากนั้น เขาก็มาบอกพ่อกับแม่ว่า เขาอยากตามหาพ่อที่แท้จริง ดอนน่าและสามีเคารพการตัดสินใจของลูกชาย แม้ว่าจะมีความกังวลไม่น้อย พวกเขาใช้วิธีตรวจดีเอ็นเอของทิมกับบริษัทอื่นอีกครั้ง 

 

จนทำให้สามารถพบบุคคลที่น่าจะเป็นป้าของเขา ทั้งสองจึงสืบหาข้อมูลทางออนไลน์ จนพบกับน้องชายของหญิงคนนั้นที่ชื่อ เดวิน ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นบิดาทางสายเลือดกับทิม จึงได้มีการติดต่อไปในเดือนมีนาคม 2564 หลังจากได้ทราบเรื่องราว เดวินก็ยินยอมที่จะทำการตรวจดีเอ็นเอ และผลก็ออกมาว่าเขาคือบิดาทางสายเลือดของทิม

 

ความจริงปรากฏว่า เดวินและภรรยาของเขาได้ไปทำเด็กหลอดแก้วที่คลินิกเดียวกันกับดอนน่าและแวนเนอร์ ในวันเดียวกันเมื่อ 14 ปีก่อน ซึ่งสเปิร์มของเดวินถูกนำมาใช้ซ้ำกับไข่ของดอนน่า ทำให้ลูกชายที่เธอให้กำเนิดออกมา มีเดวินเป็นบิดาทางสายเลือด ซึ่งแวนเนอร์คิดว่าไม่ว่าความจริงจะเปลี่ยนไปเช่นไร เขาก็ยังเป็นพ่อของทิมเช่นเดิม

 

อย่างไรก็ตาม จากเหตุกาณร์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ทั้งสองครอบครัวยังเห็นพ้องต้องกันว่า จะไม่มีการต่อสู้แย่งชิงสิทธิเลี้ยงดูบุตร และหลังจากนั้น ทั้งสองครอบครัวได้กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน มีการส่งข้อความหากันเป็นครั้งคราว นอกจากนี้ในปี 2565 พวกเขายังได้ร่วมกันฟ้องร้องคลินิกดังกล่าวในข้อหาประมาทเลินเล่ออีกด้วย

ข้อมูลจาก CTWANT และ Mirror