หนุ่มวัย 21 ปี เอกซเรย์เจอปอดขาวโพลน ทั้งๆ ที่รักสุขภาพ เล่นกีฬา ไม่สูบบุหรี่
หนุ่มไต้หวันเล่าประสบการณ์ป่วยในวัย 21 ปี เหลือปอดอยู่แค่ข้างเดียว ทั้งที่เป็นคนรักสุขภาพ เล่นกีฬา ไม่สูบบุหรี่
หนุ่มวัย 21 ปี เอกซเรย์เจอปอดขาวโพลน ทั้งๆ ที่รักสุขภาพ เล่นกีฬา ไม่สูบบุหรี่ : โรคภัยไข้เจ็บตอนนี้มันไม่เลือกแล้วว่าใครจะดูแลตัวเองอย่างดีหรือไม่ เพราะปัจจุบันมักมีเคสศึกษาที่ว่า คนรักสุขภาพ หรือ ชอบออกกำลังกายป่วยโรคร้ายซะอย่างงั้น ทั้งๆ ที่ดูแลตัวเองดีสุดๆ อย่างเคสล่าสุดเป็นของหนุ่มวัย 21 ปี
โดยในโลกออนไลน์ต่างประเทศได้แชร์เรื่องราวของชายหนุ่มรายหนึ่งในไต้หวัน ที่เมื่อไม่นานมานี้ เขาได้ออกมาเล่าเรื่องราวของเขาว่า เขาเป็นคนไม่สูบบุหรี่ และชอบเล่นกีฬา เป็นวัยรุ่นที่สุขภาพร่างกายแข็งแรงมาก
แต่จู่ๆ วันหนึ่งกลับพบว่า ปอดของเขากลายเป็นสีขาวไปหมด และต้องเผชิญความจริงที่ว่า เขาจะเหลือปอดเพียงข้างเดียวไปตลอดชีวิต ในขณะที่เขาอายุแค่ 21 ปีเท่านั้น ซึ่งชายหนุ่มรายนี้ได้โพสต์กระทู้หัวข้อว่า "ตอนอายุ 21 ปี ผมเหลือปอดข้างเดียว"
เขาเล่าเพิ่มเติมว่า เขาชอบเล่นกีฬากลางแจ้ง โดยเฉพาะการปั่นจักรยานและเดินเขา เขาไม่สูบบุหรี่ แต่คนในครอบครัวสูบ ซึ่งไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกันไหม กระทั่งวันที่ 8 กรกฎาคมที่ผ่านมา เขามีอาการเจ็บหน้าอกกะทันหัน จึงไปพบแพทย์เพื่อตรวจเช็กร่างกาย
ก่อนผลเอกซเรย์จะปรากฏออกมาว่า ปอดของขาวกลายเป็นสีขาวโพลนไปหมด เขาจึงถูกส่งตัวไปยังแผนกเวชศาสตร์ทรวงอก เพื่อตรวจเพิ่มเติม ต่อมาหลังจากการทำ CT scan และ MRI แพทย์พบว่า เขาพบว่ามีเนื้องอกขนาด 15 เซนติเมตรในช่องตรงกลางหน้าอก
เนื้องอกนี้อยู่ระหว่างเยื่อหุ้มปอดข้างซ้ายและขวา หรือที่เรียกว่า เมดิแอสตินัม (Mediastinum) แพทย์ตัดสินใจตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ ก่อนผลการวินิจฉัยจะออกมาว่า เขาเป็นเนื้องอกเซลล์สืบพันธุ์ เขาได้รับการทำเคมีบำบัดครั้งแรกในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม และเนื้องอกโตขึ้นเป็น 20 เซนติเมตร
นอกจากนี้ ชายหนุ่มยังเล่าอีกว่า "หลังจากทำเคมีบำบัด ผมรู้สึกอาเจียน คลื่นไส้ เบื่ออาหาร และฝันร้าย มันเจ็บปวดจริงๆ และอารมณ์ของผมเปลี่ยนไปทุกวัน มันแย่มากจริงๆ"
นอกจากนี้ หลังจากให้เคมีบำบัดครบ 3 รอบ เนื้องอกก็ยังอยู่เหมือนเดิม ไม่ใหญ่ขึ้นหรือเล็กลง แต่กลายเป็นพังผืดที่กำลังจะเป็นเนื้อตาย สิ่งที่ทำให้เขายิ่งทุกข์ใจมากขึ้นคือ หมอบอกว่า เขาจะเหลือปอดแค่ข้างเดียวตลอดชีวิต เขารู้สึกตัวชาไปทั้งตัว แล้วร้องไห้ออกมาทันที คิดกับตัวเองว่า "อายุเราแค่ 21 ปีเท่านั้นเอง"
เขายังเผยอีกว่า เขาไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร สักวันหนึ่งมันอาจจะกลับมาอีก หรือมันจะส่งผลถึงชีวิตหรือไม่ ความกังวลเกิดขึ้นมากมายและทั้งหมดดังก้องอยู่ในใจ เขารู้สึกว่าการรักษาเหนื่อยมาก แต่ก็ยังคงรู้สึกขอบคุณครอบครัวและเพื่อนๆ ทุกคนที่คอยอยู่เคียงข้างเป็นกำลังใจให้ รวมทั้งแพทย์และพยาบาล หากไม่มีพวกเขา ก็ไม่รู้ว่าจะมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร
"ผมหวังว่าเรื่องของผม จะทำให้คุณทุกคนรักตัวเอง และปกป้องดูแลร่างกายของคุณเองให้ดีที่สุด" ชายหนุ่ม กล่าว
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากเรื่องราวนี้ถูกแชร์ออกไป ผู้คนจำนวนมากก็เข้าไปแสดงความรู้สึกเห็นใจ พร้อมทั้งให้กำลังใจเขาอย่างมากมาย
ข้อมูลจาก ETtoday
ภาพจาก Dcard