ครูประถมดิ่งตึกเสียชีวิต ในวัยเพียง 23 ปี พี่สาวเจอบันทึกบีบหัวใจ
ครูประถมดิ่งตึกเสียชีวิต ในวัยเพียง 23 ปี พี่สาวบีบหัวใจ หลังค้นเจอบันทึกฉบับสุดท้าย ข้องใจโรงเรียนไม่ให้ดูกล้อง
กำลังเป็นที่สนใจอย่างมากในโลกออนไลน์ของจีน หลังจากเกิดเหตุการณ์ ครูสาววัย 23 ปี ของโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งดิ่งตึกชั้น 6 เสียชีวิต แต่ที่น่าสะเทือนใจไปว่านั้นก็คือ หลังจากที่เธอเสียชีวิตไปนั้น พี่สาวของเธอก็ไปเจอมือถือของเธอ และเจอบันทึกสุดบีบหัวใจ อีกทั้งยังข้องใจว่าโรงเรียนไม่ให้ดูวงจรปิด
ตามรายงานจากสื่อต่างประเทศระบุว่า จากกรณีการเสียชีวิตของครูสาวโรงเรียนประถม วัย 23 ปี จาก เมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนาน ประเทศจีน ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก ซึ่งเมื่อเช้าวันที่ 31 ต.ค. มีคนโพสต์บทความเกี่ยวกับเรื่องราวอันน่าสะเทือนใจของ ครูประจำชั้นที่โรงเรียนประถมวัย 23 ปี
โดยพี่สาวของ ครูสาวคนดังกล่าว เล่าว่า เมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2566 น้องสาวยังคงออกจากบ้านเพื่อกลับไปเรียนหนังสือตามปกติ แต่เมื่อวันที่ 27 ต.ค. 2566 จู่ๆ ก็ได้รับข่าวว่าน้องสาวกระโดดตึก ซึ่งเธอบอกว่า น้องสาวของเธอเป็นคนร่าเริงและมองโลกในแง่ดีมาโดยตลอด ตอนที่เธอออกจากบ้านและกลับมาจากโรงเรียนในวันที่ 22 ต.ค. อารมณ์ของเธอยังคงดีมาก และทางพี่สาวก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่โรงเรียน 5 วันต่อมา
สำหรับครูประถมคนดังกล่าว เพิ่งจบการศึกษาในปี 2565 และในเดือนสิงหาคม 2566 เธอสอบผ่านได้เป็นครูประจำชั้นที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง โดยไม่คาดคิดเพียง 2 เดือนต่อมา ครูประถมหมาดๆ อย่างเธอถึงได้ตัดสินใจกระโดดลงมาจากชั้น 6 ตัดสินใจจบชีวิตลงตั้งแต่อายุยังน้อย
พร้อมกันนี้ พี่สาวของเธอ ยังเล่าอีกว่า น้องสาวมีความฝันมากมาย เตรียมซื้อรถ เก็บเงินไปเที่ยว มีแผนมากมายสำหรับอนาคต และไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะง่ายสำหรับน้องสาว ที่จะตัดสินใจจบชีวิตเพียงเพราะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ
หลังจากที่ ครูประถมคนดังกล่าว กระโดดลงมาจากอาคาร พี่สาวของเธอพบบันทึกในโทรศัพท์มือถือของน้องสาว ซึ่งเขียนเมื่อเวลา 23:44 น. ของวันที่ 26 ต.ค. 2566 ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่ครูสาวจะตัดสินใจกระโดดตึก ซึ่งมีเนื้อหาว่า "ฉันทนมันไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว", "รู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก", "เหมือนอยู่ในกรง" และ "ทุกวันเราต้องทำงานจนลมหายใจสุดท้าย"
โดยเฉพาะในจดหมายมีวรรคหนึ่งว่า "ฉันไม่เคยคิดเลยว่าการเป็นครูประถมจะยากขนาดนี้ ฉันอยากสอนนักเรียนให้ดีจริงๆ แต่ทั้งงาน กิจกรรมที่โรงเรียน และการตรวจสอบภาวะผู้นำ ทำให้เรา เด็กจบใหม่ซึ่งกลายเป็นครูประจำชั้นที่ไม่มีประสบการณ์ รู้สึกเหมือนอยู่ในกรง กรงนี้เล็กลงเรื่อยๆ ทุกวันเราต้องทำงานจนลมหายใจสุดท้าย"
พี่สาวครูประถมคนดังกล่าวเล่าว่า ปกติแล้วน้องสาวเป็นคนที่มีความสุขและมองโลกในแง่ดี แต่ในช่วง 2 เดือนที่เธอทำงานที่โรงเรียน เธอกลับเจอแต่เรื่องลบๆ ทุกวัน เธออยากเป็นครูมาโดยตลอด และให้ความสำคัญกับการสอนตั้งแต่วินาทีแรกที่สมัครเข้ามหาวิทยาลัย หลังจากสำเร็จการศึกษาเธอก็ได้เป็นครูอย่างเป็นทางการ ความฝันเพิ่งเริ่มต้น และจากนั้นก็เกิดเรื่องขึ้น
พี่สาวยังเสริมอีกว่า ทันทีที่เข้ามาทำงาน น้องสาว ได้รับมอบหมายให้ดำรงตำแหน่งประธานชั้นเรียน เวลาคุยกันครูสาวๆ มักจะบ่นว่านอกจากการสอนแล้วยังต้องเผชิญกับการตรวจสอบอย่างเข้มงวดจากผู้บังคับบัญชา ทั้งเตรียมเอกสาร และเอกสารโฆษณาชวนเชื่อให้กับโรงเรียน และกิจกรรมอื่นๆ กิจกรรมนอกหลักสูตรมีความเครียดอย่างมาก การเตรียมหนังสือเรียนหรือไปเรียนเป็นช่วงเวลาที่ผ่อนคลายสำหรับหญิงสาววัย 23 ปี อย่างแท้จริง
นอกจากนี้ พี่สาวของครูประถมผู้ล่วงลับ ยังบอกอีกว่า ตั้งแต่ไปทำงาน น้องสาวไม่ค่อยมีวันหยุดสุดสัปดาห์ การเข้านอนตอนรุ่งสางกลายเป็นกิจวัตรประจำวัน นอกจากการเตรียมบทเรียนแล้ว เธอยังต้องทำงานล่วงเวลาและมีส่วนร่วมในกิจกรรมนอกหลักสูตรอื่นๆ ของโรงเรียนอีกด้วย
และเรื่องหนึ่งที่ทำให้เธอนึกถึงมากที่สุดคือวันหนึ่งถึงแม้ฟ้ามืดแต่น้องสาวก็ยังต้องไปโรงเรียนเพื่อนับผลทับทิม เพราะว่าทางโรงเรียนได้จัด "เทศกาลทับทิม" ในวันรุ่งขึ้น ครูต้องกลับไปโรงเรียน เพื่อนับปริมาณทับทิม" นั่นทำให้พี่สาวข้องใจอย่างมาก เพราะคิดว่า หน้าที่ครูคือสอนคนไม่ใช่หรือ? เตรียมบทเรียนและเข้าเรียนทุกวันก็เหนื่อย แล้วทำไมต้องมอบหมายงานให้ครูที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสอนด้วยล่ะ?
ในเวลาต่อมาคนวงในได้เปิดเผยกับพี่สาวของครูประถมผู้ล่วงลับในวันนั้นก่อนที่เธอจะดิ่งตึก ครูสาวถูกอาจารย์ใหญ่วิพากษ์วิจารณ์ อีกทั้ง หากอยากรู้ว่า ครูประถมผู้ล่วงลับ ต้องผ่านอะไรมาบ้างในสัปดาห์ก่อนที่จะดิ่งตึก ควรตรวจสอบกล้องในโรงเรียน
"ครอบครัวต้องการตรวจสอบกล้องวงจรปิด แต่โรงเรียนไม่ยอม เราแค่อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอตอนอยู่ที่โรงเรียน" พี่สาวบอกว่าเธอและพ่อแม่ติดต่อกับโรงเรียนหลายครั้ง แต่ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน แม้แต่บัญชี wechat ของ ครูประถมผู้ล่วงลับ ก็ถูกลบออกจากกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับงานในโรงเรียนแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในรายงานของ Beijing News เจ้าหน้าที่จากแผนกการศึกษาและการกีฬาเขตกวานเฉิง กล่าวว่า ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้ามาตรวจสอบปัญหาดังกล่าวแล้ว
ข้อมูลจาก docnhanh