"หมอนิธิ"ขอค้านฉีดไฟเซอร์ เข็ม3ให้แพทย์ ลั่น อย่าเห็นแก่ตัว

07 กรกฎาคม 2564

ศ.นพ.นิธิ มหานนท์ ออกมาเผยเหตุผล 7 ข้อ ที่ตัวเองนั้นขอคัดค้านการ ให้บุคลากรด่านหน้าได้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน หลังจากได้วัคซีนไปครบแล้วสองโดส

ศ.นพ.นิธิ มหานนท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า

ด้วยความเคารพและเห็นใจความกลัวการติดเชื้อของบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้รับวัคซีนครบแล้ว จนมีประกาศกันว่าจะให้บุคลากรด่านหน้าได้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน หลังจากได้วัคซีนไปครบแล้วสองโดส

ผมขอให้ข้อคิดว่า…
 
1)ต้องไม่ลืมว่าคนที่ได้รับวัคซีนครบแล้วไม่ว่าชนิดใดยังมีโอกาสติดเชื้อ  ได้ช่วงนี้มีรายงานว่าแพทย์พยาบาลติดเชื้อกันมากนั้นเป็นเพราะพวกเราด่านหน้าเสี่ยงได้รับเชื้อกว่าคนทั่วไปอยู่แล้วแม้แต่จะมีอุปกรณ์ป้องกันเต็มที่อย่างดีแต่ก็เป็นเช่นนี้เหมือนกันทั้งโลก การที่พวกเรา(แพทย์)ตระหนกจะทำให้คนทั่วไปตื่นเต้นไปยิ่งกว่า

2)เรา(แพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า และทุกคนที่แม้แต่คิด)ดูเห็นแก่ตัวไปไหมในขณะที่คนส่วนใหญ่ของประเทศยังไม่ได้วัคซีนสักเข็มเดียว ถ้าเราจะมารับการกระตุ้นด้วยเข็มที่สามกันก่อน

3)ยังไม่มีประเทศไหนในโลก ณ เวลานี้ที่แนะนำให้ฉีดกระตุ้นวัคซีนโควิด19ด้วยเข็มสามในตอนนี้ จะเป็นเมื่อไหร่ สามเดือน หกเดือน แต่ทั้งนี้ถ้าอยากรู้ก่อนอยากทำก่อนก็ทำได้แต่….. ควรทำเป็นการศึกษาให้เป็นระบบไม่ควรทำแบบ  ทำไปมั่วๆเหมือนที่ผ่านมา ไม่เก็บข้อมูลมาวิเคราะห์ไม่วางแผนให้เป็นระบบประเทศไทยก็จะไม่มีข้อมูลอีกเช่นเคยเหมือนในอดีต 
ผมไม่แน่ใจจริงๆว่า ทำเช่นนี้เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรกับวัคซีนไฟเซอร์ที่ได้รับ (บริจาค แลก ซื้อ)จำนวนพิเศษนี้หรือไม่ …..ไม่รู้จริงๆครับ พยายามช่วยหาเหตุผลอธิบายว่านโยบายการให้ฉีดกระตุ้นในบุคลากรการแพทย์นี้มีเหตุมีผลลึกๆอะไร

4) หลายแสนโดสที่จะได้รับบริจาคให้พวดเราส่วนหน้ามากระตุ้นภูมิถ้าจะฉีดให้คนไทยที่ยังไม่เคยได้วัคซีนได้ สามแสนห้าหมื่นคน จะสามารถช่วยชีวิตไว้ได้ สามสี่พันคน ทีเดียว  ดีกว่าไปหาทางเพิ่มเตียงไหมครับ

5)ทำเช่นนี้(ออกข่าว ปชส ว่าแพทย์ใช้การกระตุ้นภูมิเข็มสาม) เท่ากับสร้างกระแสความเชื่อให้คนมีเงิน(ขี้อวด และขี้กลัว) แห่กันไม่ฉีดวัคซีนหลักที่มีขณะนี้ของรัฐบาลอยู่แต่รอไปเสี่ยงติดเชื้อไปและแพร่เชื้อด้วยไปอีกหลายๆเดือนเพื่อ รอ mRNA vaccine ทางเลือก    และนอกจากนี้จะมีคน วีไอพี (ที่คนละประเภทกับ VIP ผม) ที่ไม่มีเงิน(แต่มีเครือข่ายมีสายมีเส้น)แห่กันไปลัดคิวแย่งคิววัคซีนหลักเพื่อกระตุ้นภูมิ ของคนที่ยังไม่ได้วัคซีนสักเข็มเดียว สังคมเราจะยิ่งมีความเหลื่อมล้ำไปกันใหญ่ไหมครับ…..ถ้าประเทศเรามีวัคซีนเกินพอ ผมเห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์กับนโยบายนี้ 

6)ผมไม่แย้งไม่เถียงว่ามีข้อมูลทางการแพทย์มากมายที่ทำให้อาจคิดและอาจทำให้เชื่อต่อได้ว่าการได้รับวัคซีนกระตุ้นนั้นจะทำให้ป้องกันสายพันธุ์ใหม่ได้ดีขึ้น แต่รู้ได้อย่างไรล่ะครับว่ากระตุ้นเร็วหรือช้าในเวลานี้จะให้ผลเสียมากหรือน้อยกว่ากันอยาคิดแค่มุมที่ดีมากหรือน้อยกว่ากัน …..อย่าหลงตามกันไป จะตอบคำถามนี้ได้”ต้อง”วิจัยและศึกษาให้เป็นระบบ อย่าสักแต่ว่า เชื่อ ฟัง และ ได้ยินเขาว่า ต่อๆกันมา 

7)ผมพูดมาตลอดว่าการระบาดของโรคใดๆนั้น เป็นเรื่องของสังคมศาสตร์มากกว่าวิทยาศาสตร์ วัคซีนไม่ใช่คำตอบเดียว ถ้าทำตามแนวทางและประชาสัมพันธ์ส่งเสริมที่จะให้เกิดการกระตุ้นภูมิคุ้มกันเข็มที่สาม ณ เวลานี้มีแต่จะทำให้เกิดความสับสน และแตกแยก เหลื่อมล้ำในสังคมมากขึ้นอย่างแท้
ผมไม่รู้ความตั้งใจของที่มาของการบริจาคมีเจตนาอย่างไรเล็งเห็นปัญหาความเหลื่อมล้ำที่จะเกิดขึ้นไหม…..หรือเป็นเพียงแค่การตลาดบริษัทยา 

 

ปกติผมไม่ค่อยชอบค้านอะไรตรงๆแบบนี้ แต่คราวนี้ขอผิดกติกาตัวเอง สงสารคนไทยอีก หลายสิบล้านคนที่ยังไม่ได้วัคซีน ……..ผมขอค้านไม่เห็นด้วยในการให้ฉีดกระตุ้นเข็มสามในเวลานี้ที่คนส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับวัคซีนครับ ถ้าใครจะได้รับการกระตุ้นเข็มที่สามควรต้องอยู่ในการศึกษาวิจัยที่เป็นระบบเท่านั้น ไม่เช่นนั้น ท่านเห็นแก่ตัว เห็นแก่พวกเกินไปครับ