คู่มือสุขภาพดี "กินตามกรุ๊ปเลือด" เลือกอาหารให้เหมาะในแบบฉบับครบ 5 หมู่
ทางสายกินเปิดคู่มือสุขภาพดี เลือกกินตามกรุ๊ปเลือด เลือกกินอาหารให้เหมาะสมกับกรุ๊ปเลือด ในแบบฉบับครบ 5 หมู่
เคล็ดลับเพื่อสุขภาพดี นอกจากการพักผ่อนที่เพียงพอและการออกกำลังกาย ทำจิตใจให้แจ่มใสแล้วรู้ไหมว่าปัจจัยหลักที่สำคัญมากๆและส่งผลต่อสุขภาพของคนเราโดยตรงเลยก็คืออาหาร เพราะฉะนั้น "ทางสายกิน" จึงได้รวมเอาวิธีการเลือกกินตามกรุ๊ปเลือด ในแบบฉบับครบ 5 หมู่กันว่ามีอะไรบ้าง เพื่อให้เส้นทางการกินของคุณนั้นทั้งอิ่มท้องและอิ่มใจ ดีต่อสุขภาพกันถ้วนหน้า
เริ่มกันที่ คนเลือดกรุ๊ป A ระบบย่อยไม่ค่อยดี ภูมิคุ้มกันไม่ดี หลีกเลี่ยงนมวัวและเนย ควรทานข้าวกล้องเสริมธาตุเหล็ก โดยส่วนใหญ่มีระบบย่อยไม่ค่อยดี แถมระบบภูมิคุ้มกันก็ไม่เวิร์ค ฉะนั้นควรแก้ไขโดยการเลือกทานอาหารที่มีวิตามินซีเยอะๆ
หมู่ที่ 1 โปรตีน : ควรบริโภคเนื้อปลา หรือเมล็ดธัญพืชทดแทนโปรตีนจากเนื้อสัตว์ที่ย่อยยาก
หมู่ที่ 2 คาร์โบไฮเดรต : เหมาะแก่การบริโภคข้าวกล้องเพื่อเสริมธาตุเหล็ก
หมู่ที่ 3 วิตามินพืชผัก : ผักที่ถูกโฉลก คือ บรอกโคลี แครอท ฟักทอง และผักโขม
หมู่ที่ 4 วิตามินผลไม้ : กรุ๊ปนี้ควรทานผลไม้รสเปรี้ยว อาทิเช่น สับปะรด และส้มโอ
หมู่ที่ 5 ไขมัน : มีอยู่ในเนื้อสัตว์ในหมู่ที่ 1 (สิ่งที่ควรลดคือ นมวัวและเนย)
ต่อกันที่ คนเลือดกรุ๊ป B ระบบย่อยดี แต่อ้วนง่าย เป็นคนแพ้ง่าย เลือกทานเนื้อปลาเหมาะที่สุด เลือกผักใบเขียวช่วยลดอาหารแพ้ เป็นบุคคลที่มีระบบย่อยอาหารค่อนข้างดี แต่กลับอ้วนง่าย แถมเป็นหวัดอยู่บ่อยๆ รวมถึงมักมีอาการแพ้ง่าย หรือเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง
หมู่ที่ 1 โปรตีน : แม้ย่อยง่าย แต่เนื้อปลาเหมาะกับคนกรุ๊ปนี้ที่สุด โดยเฉพาะ ปลาหิมะ ปลาตาเดียว และปลาเนื้อขาว
หมู่ที่ 2 คาร์โบไฮเดรต : ควรเลือกบริโภคข้าวโอ๊ตและข้าวกล้องเป็นประจำ
หมู่ที่ 3 วิตามินพืชผัก : กรุ๊ปนี้สามารถบริเวณผักใบเขียวได้เกือบทุกชนิด เพราะมีแม็กนีเซียมลดอาการแพ้ได้เป็นอย่างดี (ควรเลี่ยง มะเขือเทศ และข้าวโพด)
หมู่ที่ 4 วิตามินผลไม้ : ทานผลไม้ได้เกือบทุกชนิดเช่นกัน (แต่ควรเลี่ยง ลูกแพร์ ลูกพลับ และทับทิม)
หมู่ที่ 5 ไขมัน : มีอยู่ในเนื้อสัตว์ในหมู่ที่ 1 (เนย นม ไข่ ควรบริโภคแค่พอเหมาะ และควรงดเนยแข็งเพราะจะทำให้ย่อยยาก)
ส่วน คนเลือดกรุ๊ป AB ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เกิดภาวะเครียดได้ง่าย หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปหรือของหมักดอง เลือกทานผลไม้ที่มีวิตามินซี เพิ่มภูมิต้านทาน มักเป็นคนที่ตกอยู่ในภาวะเครียดง่าย มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ งดอาหารหมักดองหรืออาหารแปรรูป เพราะไม่ดีต่อสุขภาพ
ควรทานผักผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เพื่อช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงมากขึ้นด้วย และอย่าลืมคิดถึงผลไม้ที่มีด่างสูง อย่างองุ่น ผลเบอร์รี่หรือลูกพลัมด้วย เพราะว่า จะช่วยในการปรับสมดุลในเนื้อเยื่อของธัญพืชที่เราทานเข้าไป
หมู่ที่ 1 โปรตีน : ควรทานเนื้อสัตว์และอาหารทะเลครั้งละน้อยๆ เพื่อให้ย่อยง่าย (โดยเฉพาะ กุ้ง หอย ปู และปลาหมึก)
หมู่ที่ 2 คาร์โบไฮเดรต : ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต และข้าวไรย์ มีประโยชน์ต่อคนกรุ๊ปนี้ (แต่ควรเลี่ยงการทานแป้งข้าวโพด ในช่วงที่กำลังลดน้ำหนัก)
หมู่ที่ 3 วิตามินพืชผัก : สามารถทานผักได้เกือบทุกชนิด และควรเน้นผักโขม ผักบุ้ง ผักคะน้า เพราะมีไฟเบอร์สูง สามารถช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันได้มากขึ้น
หมู่ที่ 4 วิตามินผลไม้ : เลือกทานผลไม้ที่มีวิตามินสูง เพิ่มภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงมากขึ้น เช่น ส้มโอ มะนาว หรือกีวี รวมถึงรักษาความสมดุลของกรดในกระเพาะอาหารด้วยผลไม้ที่มีกรดเป็นกลาง เช่น องุ่น เบอร์รี่ เชอร์รี่
หมู่ที่ 5 ไขมัน : มีอยู่ในเนื้อสัตว์ในหมู่ที่ 1 (เนย นม ไข่ ควรบริโภคแค่พอเหมาะ)
สุดท้าย คนเลือดกรุ๊ป O มีระบบย่อยอาหารได้ดีกว่ากรุ๊ปอื่น แต่ระบบเผาผลาญไม่ค่อยดี ทำให้อ้วนง่าย หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ที่มีไขมันสูง เลือกผักที่มีวิตามินเค
**อาหารที่มีวิตามิน เค สูง ได้แก่ ชาเขียว ผักใบเขียว เช่น ผักโขม คะน้า แตงกวา(พร้อมเปลือก) กุยช่าย กวางตุ้ง ผักชีฝรั่ง โหระพา กะเพรา บร็อคโคลี่ ผักกาดหอม และ ผลไม้ตระกูลเบอรรี่ องุ่น ลูกพรุน กีวี่
กรุ๊ปนี้มีระบบย่อยอาหารที่มีความเป็นกรดสูง แต่ระบบเผาผลาญกลับไม่ค่อยเวิร์ค จึงมักพบปัญหาเรื่องเลือดแข็งตัวช้า และโรคอ้วนถามหานั่นเอง
หมู่ที่ 1 โปรตีน : ควรบริโภค ตับ ปลา อาหารทะเล และเนื้อสัตว์ต่างๆ (แต่เลี่ยงเนื้อหมู แฮม เบคอน เพราะมีไขมันสูง)
หมู่ที่ 2 คาร์โบไฮเดรต : เพราะกรุ๊ป O อ้วนง่าย ดังนั้นจึงควรทานข้าวและขนมปังแต่เพียงพอดี
หมู่ที่ 3 วิตามินพืชผัก : ควรเลือกกินผักที่มีวิตามินเคสูงอย่าง คะน้า ผักบุ้ง ผักโขม และปวยเล้ง
หมู่ที่ 4 วิตามินผลไม้ : แนะนำเป็นลูกพรุน ลูกพลับ มะเดื่อ เพราะมีความเป็นด่างสูง ช่วยลดการละคายเคืองจากกระเพาะอาหารได้
หมู่ที่ 5 ไขมัน : มีอยู่ในพวกเนื้อสัตว์ในหมู่ที่ 1 (และกรุ๊ปนี้ควรทานนมและเนย ในปริมาณที่พอเหมาะ)
แม้ "การกินอาหารตามกรุ๊ปเลือด" เป็นเทรนด์ที่มีผู้คนให้ความสนใจไม่น้อยก็ตาม แต่สิ่งที่ควรปฏิบัติควบคู่ไปกับการกินด้วยนั่นก็คือ การละและเลิกพฤติกรรมต่างๆ ที่ทำให้ตัวเองเสี่ยงมีสุขภาพไม่ดี เช่น ทานข้าวไม่ตรงเวลา เคี้ยวข้าวไม่ละเอียด หรือทานอาหารรสจัดอยู่เป็นประจำนั่นเอง