ต้องยอมรับเลยว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา "อะโวคาโด" เป็นผลไม้สุดฮิตที่ได้รับความนิยมมากๆในประเทศไทย เป็นผลไม้สุดโปรดของเหล่าผู้รักสุขภาพเพราะมีประโยชน์สารพัดและให้สารอาหารที่ดีต่อร่างกาย รวมถึงเป็นผลไม้สุดฮิตของเหล่าคนที่ดูแลหุ่น แต่ไม่ว่าอะไรที่มากไปก็ให้โทษได้เหมือนกัน
ระวัง อะโวคาโด มากประโยชน์แต่ก็มีโทษ รวมเรื่องต้องรู้ก่อนจะกิน
ระวัง อะโวคาโด มากประโยชน์แต่ก็มีโทษ รวมเรื่องต้องรู้ก่อนจะกิน
วันนี้เราจะพาไปดูเรื่องที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจกิน อะโวคาโด ระวัง อะโวคาโด ก็มีโทษต่อร่างกายเช่นเดียวกันนะ
คุณค่าทางโภชนาการของอะโวคาโด อะโวคาโด น้ำหนัก 100 กรัม (ประมาณครึ่งผล) ให้พลังงาน 160 กิโลแคลอรี่
ไขมัน 14.66 กรัม
กรดไขมัน 2 กรัม
โปรตีน 2 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 8.5 กรัม (ไฟเบอร์หรือใยอาหาร 6.7 กรัม)
วิตามินซี 10 มิลลิกรัม
โพแทสเซียม 485 มิลลิกรัม
วิตามินและแร่ธาตุ อื่นๆ
ประโยชน์ และ สรรพคุณของอะโวคาโด
ระวัง อะโวคาโด มากประโยชน์แต่ก็มีโทษ รวมเรื่องต้องรู้ก่อนจะกิน
ถึงแม้อะโวคาโดจะมีคุณค่าทางโภชนาการที่สูงลิ่ว อุดมไปด้วยไขมันดี วิตามินและเกลือแร่ต่างๆ ช่วยลดคอเลสเตอรอล บำรุงหัวใจและหลอดเลือด บำรุงผิวพรรณ แต่ อะโวคาโด มีโทษ เช่นเดียวกันนะ
- อะโวคาโด มีไขมันที่สูง แม้เป็นไขมันดีแต่หากเรากินมากเกินไปก็จะทำให้ไขมันไปสะสมในร่างกายของเรา ทานมากไปก็ทำให้น้ำหนักขึ้นหรืออ้วนขึ้นได้
- อะโวคาโด มีโพแทสเซียมสูง เทียบในปริมาณ 100 กรัม อะโวคาโดจะให้โพแทสเซียม 485 มิลลิกรัม ซึ่งมากกว่าปริมาณโพแทสเซียมที่ควรได้รับในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ที่แข็งแรง 4,700 มิลลิกรัม ดังนั้นผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับไตควรจำกัดการรับประทานอะโวคาโดด้วย
- อะโวคาโดดิบ มีสารแทนนิน ซึ่งเป็นสารที่พบได้ในพืชบางชนิด เช่น ชา กาแฟ ถั่ว และอะโวคาโด สารแทนนินมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ แต่หากรับประทานอะโวคาโดดิบหรือยังไม่สุกเต็มที่ อาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน และท้องผูกได้
- อะโวคาโด อาจทำให้เกิดอาการแพ้เนื่องจากมีสารก่อภูมิแพ้บางชนิด เพราะฉะนั้นผู้ที่แพ้ถั่วหรืออาหารทะเลก็อาจจะแพ้อะโวคาโดได้เช่นกัน
แล้วอะโวคาโด ควรกินอย่างไร
- ควรเลือกกินผลที่สุดเต็มที่ สังเกตจากผิวเปลือกต้อเป็นสีดำหรือน้ำตาลเข้ม เนื้ออะโวคาโดจะนิ่มเมื่อกดเบาๆ
- ไม่ควรกินมากเกินไป จำกัด 1 ลูกต่อวัน
- คนเป็นโรคไตควรจำกัดการกิน อย่างเช่น 1/2 ลูกในแต่ละครั้ง หรือควรปรึกษาแพทย์