thainewsonline

สายซูชิต้องระวัง สาวปวดท้องและคลื่นไส้ หมอตรวจพบตัวนี้ในท้อง

20 มีนาคม 2568
127
สายซูชิต้องระวัง สาวปวดท้องและคลื่นไส้ หมอตรวจพบตัวนี้ในท้อง

เตือนสายซูชิต้องระวัง สาวมีอาการปวดท้องและคลื่นไส้มาเป็นเวลา 2 วัน อาการแย่ลงเรื่อยๆ หมอตรวจพบตัวนี้ในท้อง

ทางด้านเพจเฟซบุ๊ก เอฟเอ็มซีคลินิกเวชกรรม ยกเคสคนป่วยหญิง อายุ 39 ปี มีสุขภาพแข็งแรง มีอาการปวดแสบยอดอกและคลื่นไส้ อาการแย่ลงเรื่อยๆ และมีอาการท้องเสียตลอดช่วงที่ป่วย สุดท้ายหมอตรวจพบตัวนี้ในท้อง

สายซูชิต้องระวัง สาวปวดท้องและคลื่นไส้ หมอตรวจพบตัวนี้ในท้อง สายซูชิต้องระวัง สาวปวดท้องและคลื่นไส้ หมอตรวจพบตัวนี้ในท้อง

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา

 

ทางเพจระบุว่า... ปวดท้อง คลื่นไส้และอาเจียน ประวัติชอบรับประทานซูชิเป็นประจำ อาการไม่ดีขึ้น จึงไปพบแพทย์ ตรวจพบตัวนี้ในท้อง

 

หญิงอายุ 39 ปีที่เคยมีสุขภาพแข็งแรง เข้ารับการรักษาที่แผนกฉุกเฉินเนื่องจากมีอาการปวดแสบยอดอกและคลื่นไส้มาเป็นเวลา 2 วัน อาการแย่ลงเรื่อยๆ และมีอาการท้องเสียตลอดช่วงที่ป่วย ผู้ป่วยระบุว่าปวดแบบแสบร้อนโดยไม่มีการกระจายของอาการ และมักเป็นมากขึ้นหลังรับประทานอาหาร

 

สัญญาณชีพของผู้ป่วยอยู่ในเกณฑ์ปกติ และผลตรวจทางห้องปฏิบัติการไม่พบความผิดปกติ การตรวจร่างกายทางช่องท้องพบความกดเจ็บทั่วไป โดยเฉพาะบริเวณลิ้นปี่ และมีอาการ abdominal rebound ทุก quadrant แต่ไม่มีอาการแข็งเกร็งของช่องท้อง

 

การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) ช่องท้องพบผนังกระเพาะอาหารหนาตัวขึ้นอย่างชัดเจนถึง 2 เซนติเมตร มีบางส่วนของลำไส้เล็กที่หนาตัว และพบของเหลวปริมาณเล็กน้อยถึงปานกลางในช่องท้อง

แพทย์ให้ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล โดยมีการวินิจฉัยแยกโรคเบื้องต้น ได้แก่ โรคกระเพาะอักเสบจากการติดเชื้อที่ไม่ปกติ, โรคกระเพาะอักเสบชนิดหนาตัว, และมะเร็งทางเดินอาหาร

 

การส่องกล้องตรวจระบบทางเดินอาหารส่วนต้น (esophagogastroduodenoscopy; EGD) พบเยื่อบุกระเพาะอาหารมีรอยแดง (erythematous gastritis) เยื่อบุลำไส้เล็กส่วนต้นอักเสบ (erythematous duodenopathy) และพบพยาธิจำนวนหลายตัวภายในกระเพาะอาหาร (รูปที่ 1) แพทย์ได้นำพยาธิออก 2 ตัว และภายหลังได้รับการระบุชนิดว่าเป็น Anisakis spp

 

ผู้ป่วยได้รับการรักษาและกลับบ้านหลังรับการรักษา 2 วัน โดยมีอาการดีขึ้นและสามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ

 

จากการสอบถามประวัติเพิ่มเติมพบว่าผู้ป่วยรายนี้รับประทานซูชิเป็นประจำ ซึ่งคาดว่าเป็นแหล่งที่มาของการติดเชื้อ Anisakis มนุษย์ไม่ใช่โฮสต์ตามธรรมชาติของพยาธินี้ และโดยปกติแล้วพยาธิจะผ่านทางเดินอาหารออกไปภายในไม่กี่วัน

 

โดยทั่วไป การนำพยาธิออกโดยตรง (physical removal) ถือเป็นการรักษาที่เพียงพอ เช่นเดียวกับในกรณีของผู้ป่วยรายนี้ อย่างไรก็ตาม หากพยาธิเข้าสู่ลำไส้ omentum ตับอ่อน หรือก่อให้เกิดฝี (abscess) จนทำให้เกิดการอุดตันของลำไส้ อาจจำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัด

โรค Anisakiasis เป็นโรคที่เกิดจากพยาธิตัวกลมกลุ่ม Ascaridoid ที่สามารถเข้าสู่ทางเดินอาหารของมนุษย์ได้ โดยปกติโรคนี้ติดต่อผ่านการบริโภคตัวอ่อนของพยาธิที่พบในปลาดิบ

 

ปัจจุบันนี้ จากการทบทวนฐานข้อมูลพบว่า ประเทศญี่ปุ่นมีรายงานผู้ป่วยประมาณ 7,000 ถึง 20,000 รายต่อปี เชื่อว่าอัตราการเกิดโรคที่แท้จริงอาจสูงกว่านี้ เนื่องจากโรคอาจมีอาการไม่รุนแรงและสามารถหายได้เอง ทำให้หลายคนไม่ได้เข้ารับการรักษาทางการแพทย์

สายซูชิต้องระวัง สาวปวดท้องและคลื่นไส้ หมอตรวจพบตัวนี้ในท้อง สายซูชิต้องระวัง สาวปวดท้องและคลื่นไส้ หมอตรวจพบตัวนี้ในท้อง

สายซูชิต้องระวัง สาวปวดท้องและคลื่นไส้ หมอตรวจพบตัวนี้ในท้อง สายซูชิต้องระวัง สาวปวดท้องและคลื่นไส้ หมอตรวจพบตัวนี้ในท้อง

  • อัตราการเกิดโรค anisakiasis ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการบริโภคอาหารดิบ

 

โดยพบมากในประเทศที่นิยมกินปลาดิบ เช่น ญี่ปุ่น (0.5–2 ต่อ 100,000 คนต่อปี) เกาหลีใต้ และสเปน ในยุโรปและอเมริกาพบได้น้อยแต่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการบริโภคซูชิและอาหารทะเลดิบ การติดเชื้อมักเกิดจากการกินปลาทะเลที่มีตัวอ่อน Anisakis และพบได้บ่อยในปลาดิบหรือปลาที่ปรุงไม่สุก

 

ในประเทศไทย anisakiasis พบได้น้อยกว่าประเทศที่นิยมบริโภคปลาดิบ อย่างไรก็ตาม อัตราการเกิดโรคอาจเพิ่มขึ้นเนื่องจากความนิยมในการกินซูชิ ซาซิมิ และอาหารทะเลดิบมากขึ้น

 

แม้ว่าไทยจะไม่มีข้อมูลอัตราการเกิดที่ชัดเจน แต่มีรายงานการติดเชื้อจากผู้ที่บริโภคปลาทะเลดิบ เช่น ปลาหมึก ปลากะพง และปลาโอ โดยเฉพาะในกลุ่มที่นิยมอาหารทะเลสดจากตลาดหรือร้านอาหารที่ไม่ได้ผ่านการแช่แข็งที่อุณหภูมิต่ำเพียงพอที่จะฆ่าตัวอ่อน Anisakis

สายซูชิต้องระวัง สาวปวดท้องและคลื่นไส้ หมอตรวจพบตัวนี้ในท้อง สายซูชิต้องระวัง สาวปวดท้องและคลื่นไส้ หมอตรวจพบตัวนี้ในท้อง

Thailand Web Stat