พ่อแม่ดูให้ดี "6อาการ" ไข้อีดำอีแดง หมอเตือนเอง ถ้ามี ให้ไปหาหมอด่วน

28 กุมภาพันธ์ 2568
769

ไข้อีดำอีแดงคืออะไร? ทำไมต้องระวัง? หมอเจดเตือน มักพบในเด็กอายุ 5-15 ปี โดยเฉพาะในโรงเรียนที่เด็กอยู่รวมกันมาก เสี่ยงติดเชื้อได้ง่าย เปิด อาการ พร้อม วิธีป้องกัน

ไข้อีดำอีแดงระบาดหนัก พ่อแม่ต้องจับตา! โรคไข้อีดำอีแดงกำลังแพร่กระจายในกลุ่มเด็กนักเรียนจนบางโรงเรียนต้องสั่งหยุดเรียน! โรคนี้เกิดจากแบคทีเรียและแพร่กระจายได้ง่ายผ่านการไอ จาม และสัมผัสสารคัดหลั่ง พ่อแม่ต้องสังเกตอาการของลูก หากมีไข้ เจ็บคอ ผื่นแดง หรืออาการผิดปกติ ควรรีบพาไปพบแพทย์ทันที

พ่อแม่ดูให้ดี "6อาการ" ไข้อีดำอีแดง หมอเตือนเอง ถ้ามี ให้ไปหาหมอด่วน

"หมอเจดนพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา โพสต์ข้อความเตือนระบุว่า

ช่วงนี้มีข่าวไข้อีดำอีแดงระบาดหนักนะครับ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กนักเรียน บางโรงเรียนถึงกับต้องหยุดเรียนกันเลยทีเดียว โรคนี้แพร่กระจายได้ง่าย ถ้าอยากรู้ว่ามันคืออะไร อาการเป็นยังไง และต้องดูแลตัวเองยังไง มาดูกันเลย

1. ไข้อีดำอีแดงคืออะไร?

ไข้อีดำอีแดงเป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากแบคทีเรีย Streptococcus pyogenes หรือที่เรียกว่า Group A Streptococcus ซึ่งเป็นตัวเดียวกับที่ทำให้เป็นคออักเสบ แต่ถ้าเชื้อนี้ปล่อยสารพิษออกมาจะทำให้เกิดผื่นแดงขึ้นทั่วตัว มักจะพบในเด็กช่วง 5-15 ปี โดยเฉพาะในโรงเรียนที่เด็กๆ อยู่รวมกันเยอะๆ นะครับ

2. ไข้อีดำอีแดงติดต่อกันได้ยังไง?

เรื่องที่ต้องห่วงคือโรคนี้แพร่กระจายได้ง่ายมาก โดยติดต่อกันได้หลายทาง ไม่ว่าจะเป็น

  • ละอองน้ำลายจากการไอหรือจาม ใครที่อยู่ใกล้คนป่วยแล้วหายใจเอาเชื้อเข้าไปก็มีโอกาสติดได้
  • สัมผัสน้ำลายหรือน้ำมูกของผู้ป่วย เช่น ใช้แก้วน้ำ ช้อน หรือของใช้อื่นๆ ร่วมกัน
  • ของใช้ปนเปื้อนเชื้อ เช่น ของเล่น ผ้าเช็ดหน้า หรือสิ่งของที่เด็กๆ ใช้ร่วมกันบ่อยๆ

ถ้าสัมผัสเชื้อแล้วเผลอเอามือไปจับปาก จับจมูก ก็อาจติดเชื้อได้ง่ายๆ

3. อาการของไข้อีดำอีแดงเป็นยังไง?

อันนี้พ่อแม่ต้องคอยสังเกตลูกๆที่บ้านนะ อาการของโรคนี้จะเริ่มขึ้นภายใน 1 สัปดาห์หลังติดเชื้อ ส่วนใหญ่อาการที่เจอก็จะเป็น

  • ไข้สูง หนาวสั่น
  • เจ็บคอมาก อาจเห็นหนองหรือจุดเลือดออกที่ต่อมทอนซิล
  • ผื่นแดงสากคล้ายกระดาษทราย เริ่มจากลำตัวแล้วลามไปแขนขา ผื่นนี้อาจทำให้ผิวลอกตอนหาย
  • แก้มแดง แต่วงปากซีด เป็นลักษณะเฉพาะของโรคนี้เลย
  • ลิ้นแดงเป็นปุ่มๆ คล้ายสตรอว์เบอร์รีหรือที่เรียกว่า strawberry tongue นอกจากไข้อีดำอีแดงแล้ว ยังเจอได้ในโรคหัด และโรคาวาซากิ แต่จะต่างกันตรงที่ว่าในไข้อีดำอีดแดง จะเริ่มจากฝ้าขาว แล้วเปลี่ยนมาเป็นแดงจัด มีปุ่มชัดเจน
  • อาการอื่นๆ เช่น ปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ต่อมน้ำเหลืองโต และอ่อนเพลีย

ถ้าเด็กๆบ้านไหนมีอาการตามที่ผมพูด ควรพารีบพาไปหาหมอนะครับ

4. วิธีรักษาและป้องกัน

ไข้อีดำอีแดงรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ เช่น เพนิซิลลิน หรือ อะม็อกซีซิลลิน ถ้ากินยาตรงตามที่หมอสั่ง อาการจะดีขึ้นภายในไม่กี่วัน สิ่งสำคัญคือต้องกินยาให้ครบ ไม่งั้นเชื้ออาจดื้อยาได้
ซึ่งโรคนี้ก็ป้องกันได้ วิธีป้องกันโรคนี้ก็ทำตามนี้ง่ายๆเลยนะครับ

  • หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับคนป่วย
  • ล้างมือบ่อยๆ โดยเฉพาะก่อนกินข้าว
  • ไม่ใช้ของร่วมกับคนอื่น เช่น ช้อน แก้วน้ำ ผ้าเช็ดหน้า
  • ใส่หน้ากากอนามัย ช่วยลดการแพร่เชื้อได้

5. ภาวะแทรกซ้อนของไข้อีดำอีแดงที่เราต้องระวัง

โรคนี้อย่าชะล่าใจนะครับ ถ้าปล่อยไว้ไม่รักษา อาจมีภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายตามมาได้ เช่น

  • ไข้รูมาติก ทำให้เกิดการอักเสบของหัวใจ ข้อต่อ และอวัยวะอื่นๆ
  • ไตอักเสบเฉียบพลัน เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันตอบสนองต่อเชื้อผิดปกติ จนทำให้ไตมีปัญหา
  • การติดเชื้อที่อวัยวะอื่นๆ เช่น หูอักเสบ ปอดอักเสบ หรือภาวะโลหิตเป็นพิษ ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

ถ้าลูกหลานมีอาการหนักขึ้น แม้จะกินยาแล้ว ก็ควรพาไปหาหมอทันทีot
ไข้อีดำอีแดงเป็นโรคที่พบได้บ่อยในวันเด็กเรียนและแพร่กระจายได้ง่ายมาก ถ้าลูกมีอาการสงสัย ให้รีบพาไปหาหมอ ปัจจุบันในไทยยังไม่มีคนเสียชีวิตนะ เป็นเพราะการกินยาที่ดี คือปฏิชีวนะตามที่หมอสั่งจนหมดนั่นแหละ ยังไงการป้องกันก็ดีสุดนะครับ

และการป้องกันที่ดีที่สุดคือรักษาความสะอาด หลีกเลี่ยงการใช้ของร่วมกัน และให้เด็กป่วยหยุดเรียนจนกว่าจะปลอดภัยต่อเพื่อนๆ รอบตัว อันนี้ก็เป็นเรื่องที่ทั้งโรงเรียนและผู้ปกครองเองก็ตาม ก็ต้องช่วยกันดูแลเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคนี้ให้ได้มากที่สุดนะครับ ใครมีคำถามคอมเมนต์ได้เลยนะ