ไข้อีดำอีแดงระบาดหนัก พ่อแม่ต้องจับตา! โรคไข้อีดำอีแดงกำลังแพร่กระจายในกลุ่มเด็กนักเรียนจนบางโรงเรียนต้องสั่งหยุดเรียน! โรคนี้เกิดจากแบคทีเรียและแพร่กระจายได้ง่ายผ่านการไอ จาม และสัมผัสสารคัดหลั่ง พ่อแม่ต้องสังเกตอาการของลูก หากมีไข้ เจ็บคอ ผื่นแดง หรืออาการผิดปกติ ควรรีบพาไปพบแพทย์ทันที
"หมอเจด" นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา โพสต์ข้อความเตือนระบุว่า
ช่วงนี้มีข่าวไข้อีดำอีแดงระบาดหนักนะครับ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กนักเรียน บางโรงเรียนถึงกับต้องหยุดเรียนกันเลยทีเดียว โรคนี้แพร่กระจายได้ง่าย ถ้าอยากรู้ว่ามันคืออะไร อาการเป็นยังไง และต้องดูแลตัวเองยังไง มาดูกันเลย
1. ไข้อีดำอีแดงคืออะไร?
ไข้อีดำอีแดงเป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากแบคทีเรีย Streptococcus pyogenes หรือที่เรียกว่า Group A Streptococcus ซึ่งเป็นตัวเดียวกับที่ทำให้เป็นคออักเสบ แต่ถ้าเชื้อนี้ปล่อยสารพิษออกมาจะทำให้เกิดผื่นแดงขึ้นทั่วตัว มักจะพบในเด็กช่วง 5-15 ปี โดยเฉพาะในโรงเรียนที่เด็กๆ อยู่รวมกันเยอะๆ นะครับ
2. ไข้อีดำอีแดงติดต่อกันได้ยังไง?
เรื่องที่ต้องห่วงคือโรคนี้แพร่กระจายได้ง่ายมาก โดยติดต่อกันได้หลายทาง ไม่ว่าจะเป็น
ถ้าสัมผัสเชื้อแล้วเผลอเอามือไปจับปาก จับจมูก ก็อาจติดเชื้อได้ง่ายๆ
3. อาการของไข้อีดำอีแดงเป็นยังไง?
อันนี้พ่อแม่ต้องคอยสังเกตลูกๆที่บ้านนะ อาการของโรคนี้จะเริ่มขึ้นภายใน 1 สัปดาห์หลังติดเชื้อ ส่วนใหญ่อาการที่เจอก็จะเป็น
ถ้าเด็กๆบ้านไหนมีอาการตามที่ผมพูด ควรพารีบพาไปหาหมอนะครับ
4. วิธีรักษาและป้องกัน
ไข้อีดำอีแดงรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ เช่น เพนิซิลลิน หรือ อะม็อกซีซิลลิน ถ้ากินยาตรงตามที่หมอสั่ง อาการจะดีขึ้นภายในไม่กี่วัน สิ่งสำคัญคือต้องกินยาให้ครบ ไม่งั้นเชื้ออาจดื้อยาได้
ซึ่งโรคนี้ก็ป้องกันได้ วิธีป้องกันโรคนี้ก็ทำตามนี้ง่ายๆเลยนะครับ
5. ภาวะแทรกซ้อนของไข้อีดำอีแดงที่เราต้องระวัง
โรคนี้อย่าชะล่าใจนะครับ ถ้าปล่อยไว้ไม่รักษา อาจมีภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายตามมาได้ เช่น
ถ้าลูกหลานมีอาการหนักขึ้น แม้จะกินยาแล้ว ก็ควรพาไปหาหมอทันทีot
ไข้อีดำอีแดงเป็นโรคที่พบได้บ่อยในวันเด็กเรียนและแพร่กระจายได้ง่ายมาก ถ้าลูกมีอาการสงสัย ให้รีบพาไปหาหมอ ปัจจุบันในไทยยังไม่มีคนเสียชีวิตนะ เป็นเพราะการกินยาที่ดี คือปฏิชีวนะตามที่หมอสั่งจนหมดนั่นแหละ ยังไงการป้องกันก็ดีสุดนะครับ
และการป้องกันที่ดีที่สุดคือรักษาความสะอาด หลีกเลี่ยงการใช้ของร่วมกัน และให้เด็กป่วยหยุดเรียนจนกว่าจะปลอดภัยต่อเพื่อนๆ รอบตัว อันนี้ก็เป็นเรื่องที่ทั้งโรงเรียนและผู้ปกครองเองก็ตาม ก็ต้องช่วยกันดูแลเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคนี้ให้ได้มากที่สุดนะครับ ใครมีคำถามคอมเมนต์ได้เลยนะ