ททท. ชวนเที่ยว งานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2566 พบกัน 2-6 ส.ค. ที่ศูนย์ฯสิริกิติ์
ททท. เชิญชวนเที่ยว งานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2566 (Thailand Tourism Festival : TTF 2023) วันที่ 2-6 สิงหาคม นี้ ที่ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ททท. ขอเชิญชวนเที่ยวงาน ที่รวบรวมทั้งอาหารขึ้นชื่อของดีของเด็ดทั่วไทย มาไว้ในงานเดียว สำหรับ "งานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2566" (Thailand Tourism Festival : TTF 2023) ครั้งที่ 41 ที่จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 2-6 สิงหาคม 2566 เวลา 10.00-21.00 น. โดยปีนี้ย้ายจากสวนลุมพินี ไปจัดที่ "ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์" ชั้น LG ฮอลล์ 5-8
ซึ่งงานนี้นั้นทาง"ทีมข่าวไทยนิวส์"ได้รับเกียรติพูดคุยกับผู้อำนวยการภูมิภาคของแต่ละภาค ซึ่งแต่ละคนนั้นได้งัดไม้เด็ด อาหารแปลกใหม่ที่คุณนั้นจะได้เจอภายในงานเที่ยวเมืองไทย
โดยทางด้านของ นายสมชาย ชมภูน้อย ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคใต้ กล่าวว่า ทางภาคใต้เราจัดกันแบบหรอยๆ จัดเต็มแบบเบิ้มๆ ในรูปแบบ Mini Expo เราจะยกภาคใต้ทั้ง 14 จังหวัด และ 14 เส้นทาง ให้มีความรู้สึกว่าหรอยเเรงเเหล่งใต้ โดยแต่ละจังหวัดและเส้นทางมีจุดขายต่างกัน พร้อมเสิร์ฟความสุขตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนถึงค่ำคืน เช้าที่อัยเยอร์เวง ตกเย็นเล่นน้ำที่พังงา ตอนค่ำๆอาจจะปาร์ตี้ที่งาน Full moon ที่สุราษฎร์ธานี
โดยภาคใต้ของเรานั้นมีอยู่ทั้งหมด 5โซน โดยโซนแรกนั้นเราจะนำของดีๆ ของภาคใต้มานำเสนอ ส่วนโซนที่สองนั้นจะเป็นเรื่องของ "โนราพาวิลเลี่ยน" ซึ่งโนราเป็นมรดกทางวัฒนธรรมระดับโลกของภาคใต้ ซึ่งใครที่อยากจะล่องใต้ต้องถูกใจโซนนี้อย่างแน่นอน โซนที่สาม หราดสมรมปักษ์ใต้ หรือ ตลาดสมรม ที่จะนำเสนอความผสมผสานของความเป็นใต้แท้ๆ วิถีอัตลักษณ์ตั้งแต่เช้าจรดเย็น ยกตัวอย่างเช่น โกปี๊ร้านกาแฟ-โรตีชาชัก ซึ่งเราจะหยิบร้านเด็ดๆ ของแต่ละพื้นที่มานำเสนอ
ส่วนโซนที่สี่ จะเป็นหราดอาหารหรือตลาดอาหาร ที่ยกร้านเด็ดของทั้ง 14จังหวัด ให้ท่านได้ชิมช้อปกันในงาน โซนสุดท้ายโซนที่ห้า จะเป็นบูธของห้างททท. ที่ปักษ์ใต้ซึ่งนำโปรโมชั่นพิเศษมาให้กันแบบจัดเต็ม
นอกจากนี้ทางด้านของ นางสาว สรัสวดี อาสาสรรพกิจ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้เปิดเผยด้วยสโลแกนโดนๆนั่นก็คืออีสานไปไสก็แซ่บ ซึ่งปีนี้ความแซ่บของภาคอีสานต้องบอกว่าแซ่บหลายเรื่อง แต่เราจะยกมาหนึ่งเรื่องที่แซ่บจริงๆ นั่นคือเรื่องของอาหาร โดยเรื่องอาหารของปีนี้เรามาธีม 20 จานดัง มาจากร้านดังจากภาคอีสาน 20จังหวัด
ซึ่งความดังของแต่ละร้านคือดังอยู่แล้วใครเคยไปเคยมาต้องเคยไปกิน แต่แซ่บเนี่ยเราต้องการจะโปรโมทจานแซ่บเหล่านี้มาให้ท่านได้รับประทานก่อนเลย นอกจาก 20จานดัง 20จานแซ่บแล้ว เรายังมี 20อาหารนวัตกรรม ซึ่งเป็นอาหารที่เป็นนวัตกรรมของภาคอีสาน ไม่ว่าจะเป็นส้มตำที่อยู่ซอง เปิดซองแล้วนำน้ำลงไปคนออกมาเป็นส้มตำที่รสชาติดีมากแถมสดแล้วก็อร่อย นอกจากนี้ยังมีเรื่องของอาร์ทแอนด์คราฟ ซึ่งจะเป็นเรื่องผ้าโดยผ้านั้นก็ถือเป็นจุดเด่นของภาคอีสาน ยกตัวอย่างเช่น ผ้ากลีบบัว ผ้าย้อมหินดินภูเขาไฟ ผ้าหมักโคลน ผ้าสกลนคร เป็นต้น
แต่สิ่งที่ภาคอีสานของเราอยากจะนำเสนอมากที่สุดนั่นก็คือ "ไหเทค" ซึ่งหากคุณเดินเข้าไปในไหเรืองแสงของเรานั้นจะมีความรู้สึกว่าท่านเป็นปลาที่ผ่านกระบวนการจนมาเป็นปลาร้า ปลาแดกแล้วก็โกอินเตอร์ ซึ่งปัจจบุันปลาร้า ปลาแดกของของถูกมาแปลงเป็นนวัตกรรมใหม่ๆ แถมยังไปถึงสู่สายตาชาวโลก ทั้งขึ้นโต๊ะอาหารคนกรุงรวมทั้งชาวต่างชาติอีกด้วย นอกจากนี้มีการแสดงของงานเทศกาลประจำปีของจังหวัดต่างๆ ทั้ง ผีตาโขน,หมอลำ,บั้งไฟ นอกจากจะแซ่บอาหารยังได้แซ่บกับการแสดงอีกด้วย
ส่วนของภาคกลางนั้น ทางด้านของ นายกิตติพงษ์ ประพัฒน์ทอง ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง ซึ่งไฮไลท์ของภาคกลางของเรามีทั้งหมด 4จุด โดย
- จุดที่ 1 นั้น หอมนสิการ โดยในงานเราจะจำลองขึ้น สำหรับ หอมนสิการ เป็นแหล่งท่องเที่ยวสายธรรม ที่อยู่กลางหุบเขาของจังหวัดสระบุรี
- จุดที่ 2 จะเป็นการเอาใจนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ เอาใจสายแคมป์ปิ้งสามารถทำงานทุกที่ โดยจะนำรถแอร์สตรีมแล้วก็รถ Camper Van มานำเสนอภายในงาน
- จุดที่ 3 ซึ่งเป็นไฮไลท์ของภาคกลางเลยก็ว่าได้ เราได้ร่วมกับสถานบันเกษตรอินทรีย์ เราเสนอการเดินทางท่องเที่ยวตามวิถีเกษตรอินทรีย์ร่วมกับ "toca" ซึ่งเป็นสถานบันเกษตรอินทรีย์ นำเสนอการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนซึ่งไม่สร้างภาระให้กับนักท่องเที่ยว
- จุดที่ 4 โดยสถาบันสิริกิติ์ซึ่งนำเสนอเรื่องศิลปาชีพของคนไทยที่เราเชิดชูและสืบสานกันมาอย่างยาวนานส่งมอบมาให้กับคนรุ่นใหม่
สำหรับภาคต่อไปภาคเหนือ โดยทางด้านของ
นางสาวศิรินุช สุทธิรัตน์ รองผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ ได้เปิดเผยว่า โมเมนต์ที่ใช่ เที่ยว ได้ไม่ต้องรอ พบกับหมุดหมายใหม่ เสน่ห์วันวาน เมืองเหนือ ปีนี้นำเสนอสินค้าทางการท่องเที่ยว 5 F Food Fashion Fighting Festival Film โดยพลิกโฉม และสานต่อประสบการณ์ท่องเที่ยว ตามไลฟ์สไตล์แบบที่ใช่ ไม่ว่าจะเป็น
-สายดื่ม สำหรับคนที่รักการเสพ กาแฟ ชา โกโก้ คราฟโซดา เครื่องดื่มต่างๆ ดื่มแล้วเย็นกายเย็นใจ
-สายกิน เสน่ห์วันวาน อาหารเมืองเหนือ อาหารถิ่น อาหารสุขภาพ อาหารที่ได้รับรางวัลมิชลิน "ลำขนาด"
-สายแฟชั่น พลาดไม่ได้ระดับตัวแม่แฟชั่น สายArt&Craft DIY ตามใจฉัน ยกสินค้า handicraft เมืองเหนือ มาไว้ที่งานนี้
-สายสุขภาพ Health and wellness Meditation Spa ฟ้อนเล็บ ช่วยบำบัดนิ้วล็อค ที่เป็นคาแรคเตอร์ของภาคเหนือ ที่แท้ทรู แห่งแรก แห่งเดียวในโลก
-สายศรัทธาความเชื่อ ชวนท่านเปิดประสบการณ์ “แอ่วเทศกาลงานประเพณี ผ่านทางเทคโนโลยี ผสมผสาน อิลลูมิเนชั่น เพิ่มพลังใจ รับพลังงานดีๆ เสริมมงคลให้ชีวิต
-ลานวัฒนธรรม ย้อนวันวาน วัยสะรุ่นยุค Y2K การละเล่นพื้นบ้าน ภาคเหนือ ม้าจกคอก ตากระโดด
-สายชอบเที่ยว ชวนเช็คอิน จุดท่องเที่ยวยอดนิยม ต้นสลากย้อมลำพูน และสัตว์ในตำนานภาคเหนือ “แมงสี่หูห้าตา”
-สายแชะแชร์ มีชุด ให้นักท่องเที่ยว เลือกสวมใส่ เป็นป้อจาย แม่หญิง ย้อนสู่ยุคล้านนา อวดกันบนโลกโซเชียลที่เล่ามาทั้งหมด เป็นเพียงตัวอย่างกิจกรรมดีๆ ที่ ที่พร้อมเปิดประสบการณ์ Meaningful TravelAmazing Northern Experience เสน่ห์วันวานเมืองเหนือ ที่นี่ ที่เดียว ในงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทยเท่านั้น
ภาคสุดท้าย..ท้ายสุด นั่นก็คือภาคตะวันออก ด้านของ นายอัครวิชย์ เทพาสิตย์ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออก โดย ผอ.ย้ำว่าห้ามพลาดเด็ดขาด โดยมีการยกแลนด์มาร์คสำคัญๆ ยกมาในงานนี้โดยเฉพาะเช่น สะพานอัษฎางค์ที่เกาะสีชัง โดยจะมีการเล่นกิจกรรมเซิร์ฟบอร์ด ตึกอภัยภูเษศ ที่มีความสวยงามตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 โดยจุดไฮไลท์ซึ่งถือเป็น Unseen นั่นก็คือเกาะขายหัวเราะ จังหวัดตราด
โดยสิ่งพลาดไม่ได้เด็ดขาดนั่นก็คือเรื่องของอาหารของกินทั้งคาวหวาน จัดเต็ม 46 บูธอาหาร อาหารถิ่น อาหารคลีน ทั้งอาหารทะเลในเเต่ละจังหวัดยกมาไว้ที่งานนี้ โดยในงานก็จะมีน้องติวเตอร์ที่โด่งดังที่เล่นดนตรีในเยาวราชมาร้องเพลงภายในงาน รวมทั้งนักร้องชื่อดังที่มีแฟนเป็นผู้สื่อข่าวมาเล่นคอนเสิร์ตภายในงานอีกด้วย โดยธีมงานของเราจะมีความคึกคักตั้งแต่วันเปิดงานจนปิดงาน
นอกจากนี้ภายในงานนั้น ได้รวมของเด็ดทั่วไทย มาไว้ในงานเดียว ไม่ว่าจะเป็น อาหาร OTOP ประเพณี วัฒนธรรม วิถีชีวิต ภูมิปัญญาท้องถิ่น การจำลองสถานที่ท่องเที่ยว การแสดงทางวัฒนธรรมต่าง ๆ มีการจัดแบ่งออกเป็นโซนต่าง ๆ นำโดยโซนท่องเที่ยว 5 ภูมิภาคทั่วไทย พร้อมทั้งมีการแสดงจากศิลปินชั้นนำผลัดเปลี่ยนกันขึ้นเวทีตลอด 5 วันของการจัดงาน
ทั้งนี้ผู้สนใจสามารถร่วมงาน "เทศกาลเที่ยวเมืองไทย" ปี 2566 ได้ในระหว่างวันที่ 2-6 ส.ค. 66 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ชั้น LG ฮอลล์ 5-8 ตามวันและเวลาดังกล่าว
#โมเมนต์ที่ใช่สร้างได้ไม่ต้องรอ
#ปีท่องเที่ยวไทย2566
#Amazingthailand