ศาลลาวสั่งจำคุก 5 ปี แก๊งลักลอบพาคนไทยข้ามแดน ต้นตอโควิดคลัสเตอร์ใหญ่

17 กรกฎาคม 2564
12

ศาลประชาชนนครหลวงเวียงจันทน์ สั่งจำคุกแก๊งลักลอบพาคนไทยข้ามแม่น้ำโขงจากมุกดาหาร ไปเที่ยวต่อตามสถานบันเทิงหลายแห่งในเวียงจันทน์ จนกลายเป็นต้นตอของการระบาดครั้งใหญ่ของ สปป.ลาว

สืบเนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ใน สปป.ลาว นับแต่ต้นเดือน เม.ย. จนถึง 30 เม.ย. ทำให้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยยอดสะสมผู้ติดเชื้อรายใหม่มากกว่า 600 คน ซึ่งจุดเริ่มต้นการระบาดระลอกใหม่นี้ใน สปป.ลาว มาจากช่วงบุญปีใหม่ลาว หรือ สงกรานต์ ที่มีกรณีหญิงสาวชาวลาว 2 คน ได้ชักชวน 2 หนุ่มไทย ลักลอบพาข้ามแม่น้ำโขงจากจังหวัดมุกดาหาร ไปยังแขวงสะหวันนะเขต ไปเที่ยวตามสถานบันเทิงหลายแห่งในเวียงจันทน์  โดยหญิงลาวคนหนึ่งติดเชื้อโควิด-19 เรียกกันว่า "กรณีที่ 59" หรือ "ติ๊นา สุดทิดา" 

ศาลลาวเอาจริง

จากนั้นหญิงลาวอีกคนหนึ่งที่มีสถานะเป็น "เอื้อยฮัก" (พี่สาวที่เคารพนับถือ) ของ กรณีที่ 59 ได้ลอบข้ามโขงไป จ.หนองคาย พร้อมหนุ่มไทย 2 คน และตรวจพบติดเชื้อโควิด-19 ทั้ง 3 คน ก่อนเข้ารักษาตัวที่ รพ.หนองคาย ซึ่งหลังจากรักษาอาการป่วยติดเชื้อ โควิด-19 หายแล้ว พ.อ.สายสะหมิง สีวิไล หัวหน้ากรมตำรวจตรวจคนเข้า - ออกเมือง กรมใหญ่สันติบาล กระทรวงป้องกันความสงบ ได้รับตัว "เอื้อยฮัก" พาวะดี วิพากอน หรือ ตุ๊กติ๊ก จาก ตม.หนองคาย เมื่อวันที่ 30 เม.ย. เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมใน สปป.ลาว

 

ล่าสุด เมื่อวันที่ 15 ก.ค. 64 ที่ผ่านมา ศาลประชาชนนครหลวงเวียงจันทน์ ได้อ่านคำพิพากษาคดี นางติ๊นา , นางตุ๊กติ๊ก กับพวกรวม 6 คน กระทำความผิดในข้อหานำพาคนเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย , การแพร่เชื้อไวรัส โควิด-19 และการปิดบังการกระทำความผิด ซึ่งการกระทำของจำเลย 5 คน เป็นการกระทำผิดโดยเจตนา เพราะช่วงเวลาบุญปีใหญ่ลาว เชื้อโควิดได้ระบาดอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในประเทศไทย แต่จำเลยทั้งหมด ยังละเมิดคำสั่งปิดพรมแดน นำพาคนไทยเข้าเมืองผิดกฎหมาย


จำเลยที่ 1 นางพาวะดี วิพากอน หรือตุ๊กติ๊ก อายุ 26 ปี อาชีพค้าขาย อยู่บ้านหลัก 2 เมืองสาละวัน แขวงสาละวัน เป็นผู้ติดต่อกับคนไทย 2 คน ให้ลักลอบข้ามแดน ทั้งรับ-ส่ง และติดเชื้อโควิด


จำเลยที่ 2 นางมอนมีนา สุดทิดา หรือติ๊นา อายุ 22 ปี อาชีพนักศึกษา อยู่บ้านโพนสะหว่าง เมืองจันทะบุลี เป็นผู้นำพาคนไทยเที่ยวในนครหลวงเวียงจันทน์ และเป็นผู้ติดเชื้อโควิด ก่อนจะกลายเป็นคลัสเตอร์


จำเลยที่ 3 ท้าวพาน ไซยะลาด อายุ 46 ปี อาชีพกรรมกร อยู่บ้านหมากนาวเหนือ เมืองปากงึ่ม นครหลวงเวียงจันทน์ เป็นผู้พาคนไทย และนางพาวะดี ลักลอบเข้าประเทศไทย โดยเรือหางยาว


จำเลยที่ 4 ท้าวพูใส สีใส อายุ 34 ปี อดีตตำรวจสื่อสาร อยู่บ้านโพสสะหว่างใต้ นครไกสอนพมวิหาน แขวงสะหวันนะเขต เป็นผู้ให้การสนับสนุนนางพาวะดี และใช้อำนาจหน้าที่ตำรวจช่วยคนไทย


จำเลยที่ 5 นางสอนนาลี ดวงสะหวัด หรือนิน่า อายุ 21 ปี อาชีพเสริมสวย อยู่บ้านสะหนามไซ นครไกสอนพมวิหาน เป็นผู้ไปรับคนไทย ที่ลักลอบขัามแดน มาจากฝั่งมุกดาหาร โดยว่าจ้างคนไทยขับเรือหางยาวมาส่ง


จำเลยที่ 6 ท้าวสมปะสง สุลิยะวงสา หรือ หำ อาชีพกรรมกร อยู่บ้านท่าแร่ นครไกสอน พมวิหาน เป็นผู้ขับรถจัมโบ้ พาคนไทยไปหานางพาวะดี

ศาลลาวเอาจริง

ดังนั้น ศาลประชาชนนครหลวงเวียงจันทน์ จึงพิจารณา "ตัดอิสรภาพ" ของจำเลยทั้ง 6 คนดังนี้

- นางพาวะดี วิพากอน จำคุก 5 ปี 1 เดือน 15 วัน ปรับไหม 52,500,000 กีบ 

- นางมอนมีนา สุดทิดา จำคุก 3 ปี 7 เดือน 15 วัน ปรับไหม 27,500,000 กีบ

- ท้าวพาบ ไซยะลาด จำคุก 1 ปี 6 เดือน ปรับไหม 25,000,000 กีบ

- ท้าวพูใส สีสะหวัน จำคุก 3 ปี 7 เดือน 15 วัน ปรับไหม 27,500,000 กีบ

- นางสอนนาลี ดวงสะหวัด จำคุก 1 ปี 7 เดือน 15 วัน ปรับไหม 25,000,000 กีบ

- ท้าวสมปะสง สุลิยะวงสา จำคุก 1 ปี 7 เดือน 15 วัน ปรับไหม 25,000,000 กีบ

ศาลลาวเอาจริง

ขอบคุณ FB : เป็นเรื่อง เป็นลาว