ขึ้นเเท่นเบอร์ 1 เเซง Tesla ไปเป็นที่เรียบร้อย BYD ยอดขาย EV สูงที่สุดในโลก
ชิงบัลลังก์แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้ายอดขายสูงสุดในโลก ไปเป็นที่เรียบร้อย สำหรับ BYD แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าEv จากประเทศจีน โดยสามารถทำยอดขาย ในไตรมาสที่ 4 ปี 2566 สูงสุดเป็นอันดับที่ 1 แซงหน้า Tesla ของสหรัฐอเมริกา และยังคงเติบโตต่อเนื่องทั่วโลก
ขึ้นเเท่นเบอร์ 1 เเซง Tesla ไปเป็นที่เรียบร้อย BYD ยอดขาย EV สูงที่สุดในโลก
สำนักข่าว CNN รายงานว่า BYD มียอดจำหน่ายสะสมรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 จำนวนทั้งสิ้น 525,409 คัน เทียบกับ Tesla ที่มียอดจำหน่ายทั้งสิ้น 484,507 คัน ส่งผลให้ BYD กลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่มียอดจำหน่ายสูงที่สุดในโลกในช่วงเวลาดังกล่าว
ขณะที่ยอดจำหน่ายตลอดทั้งปี 2566 พบว่า Tesla มียอดจำหน่ายสะสมอยู่ที่ 1.8 ล้านคัน เทียบกับ BYD ที่มียอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าตลอดทั้งปีอยู่ที่ 1.57 ล้านคัน คิดเป็นส่วนต่างอยู่ที่ 2.3 แสนคัน แต่ส่วนต่างดังกล่าวก็กำลังลดลงเรื่อยๆ เนื่องจาก Tesla เคยเอาชนะยอดขายของ BYD ไปได้ราว 4 แสนคันในปี 2565 ที่ผ่านมา
การขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของ BYD ยังถือเป็นครั้งแรกที่บัลลังก์แชมป์ EV ของ Tesla ถูกโค่นล้มลง หลังจากที่ Tesla เคยขึ้นแซง Nissan กลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเบอร์หนึ่งของโลกช่วงราวปี พ.ศ. 2558 - 2559 หรือกว่า 9 ปีที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันตัวเลขการส่งมอบในไตรมาส 4 ที่เป็นสถิติใหม่ยังแพ้ให้กับ BYD ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีนเป็นครั้งแรก โดย Brand Inside รายงานไปก่อนหน้านี้ว่า BYD สามารถส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าล้วนได้ 5.26 แสนคัน ทำให้ BYD ก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ในการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าล้วนเป็นครั้งแรกหากนับรายไตรมาสเช่นกัน
แต่หากนับทั้งปี 2023 BYD ยังส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าล้วนได้น้อยกว่า Tesla เพราะบริษัทส่งมอบได้ 1.6 ล้านคัน ส่วนหากนับรวมรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริดเข้าไปด้วย BYD จะส่งมอบรถยนต์ได้รวมทั้งปีกว่า 3.02 ล้านคัน ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้น 61.9%
ในปี 2024 BYD จะทำการผลักดันไปยังตลาดใหม่ ๆ ที่ยังไม่เคยทำ และบริษัทได้เปิดตัวแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าเปิดใหม่ 2 แบรนด์ด้วยกัน นั่นก็คือ YangWang และ Fang Cheng Bao ซึ่งจะใช้รูปแบบการขายแบบ Direct Sale และ Sale Network ของตนเอง
โดยทางแบรนด์ คอมเฟิร์มว่าได้ทำการเปิดโชว์รูม 154 แห่งทั้งหมด 84 เมืองภายในปี 2023 ขณะที่ YangWang วางแผนเปิดโชว์รูมถึง 90 ที่ทั้งหมด 40 เมืองก่อนสิ้นปี 2023 แต่ยังไม่มีการคอนเฟิร์มว่าทางแบรนด์สามารถทำได้ถึงเป้าแล้วหรือยัง
นอกจากนี้ BYD ยังทำการเริ่มลงทุนใน ADAS ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงและระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติมากขึ้น จากเดิมที่เคยพึ่งการพัฒนาระบบของ Baidu Apollo
อย่างไรก็ตามการแข่งขันที่เข้มข้นเรื่องยอดขายและความนิยมของทั้งสองแบรนด์ก็เป็นสิ่งที่น่าจับตามองอย่างมากในปี 2024 นี้
Cr.Carnewschina