เปิดประวัติ “คริส-คราฟท์” (Chris-Craft)
เปิดประวัติ “คริส-คราฟท์” (Chris-Craft) เรือระดับลักชัวรี่สัญชาติอเมริกัน เติมเต็มความสุนทรีย์บนผืนน้ำประเทศไทย
เรือ Chris-Craft หลังจากได้เริ่มจำหน่ายตั้งแต่ปี 2565 ล่าสุดได้เปิดตัวโชว์รูม พร้อมศูนย์บริการครบวงจรแห่งแรกในประเทศไทย ที่ Riverdale Marina จังหวัดปทุมธานี เพื่อขยายฐานผลิตภัณฑ์และบริการในกลุ่มมารีน เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังในการซื้อสูง (High Net Worth) และกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบกีฬาทางน้ำ รวมถึงฐานลูกค้าเดิมที่เป็นเจ้าของเรือยอชท์ และต้องการเรือสันทนาการเพิ่ม
“คริส-คราฟท์” จากความหลงใหลในเรือสปอร์ต สู่แบรนด์ระดับตำนานที่ชาวอเมริกัน
“คริส-คราฟท์” เรือสัญชาติอเมริกัน ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 149 ปี โด่งดังในเรื่องของความหรูหรา และการใส่ใจในรายละเอียดสุดประณีต ก่อตั้งในช่วงปี ค.ศ. 1874 โดย นายคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส สมิทธ์ ที่มีความหลงใหลในเรือสปอร์ต และสร้างเรือลำแรกด้วยตนเองเมื่ออายุเพียง 13 ปี โดยเขาได้นำเสนอความมุ่งมั่น ทุ่มเท และความประณีต ผ่านการต่อเรืออย่างประณีตดุจงานศิลปะพร้อมสเตนเลสเกรดคุณภาพสูง ผสมผสานกับการดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์ ลงตัวเป็นความเรียบหรู สง่างาม ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ทางน้ำที่ไม่หยุดนิ่ง และเขาได้แสดงความรักชาติด้วยการใช้โรงงาน คริส-คราฟท์ ผลิตเรือบรรทุกกำลังพล มอบให้กองทัพสหรัฐอเมริกา นับ 1,000 ลำ และถูกนำไปใช้ในวัน ‘D-Day’ หรือการยกพลขึ้นบกที่นอร์ม็องดี ในสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน ค.ศ. 1944 จึงนับเป็นแบรนด์ระดับตำนานที่ชาวอเมริกันภาคภูมิใจ
“คริส-คราฟท์” 3 รุ่นหลักจำหน่ายในประเทศไทย
คริส-คราฟท์ ประเทศไทย เปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมจำหน่ายเรือ 3 รุ่นหลัก คือ
-Launch Series
-Catalina Series
-Calypso Series
โดยมีรุ่นย่อยแบ่งตามขนาดและลักษณะของเรือ เริ่มที่สายพันธุ์ Launch Series เป็นเรือดีไซน์คลาสสิก เรียกว่า ‘Bow Rider’ แบ่ง 2 รุ่นย่อย คือ Launch และ Launch GT ที่ติดตั้งหลังคาจากโรงงาน มาพร้อมสองทางเลือกของเครื่องยนต์เบนซิน วี8 สูบ 6.2 ลิตร 300 แรงม้า ทั้งแบบ Mercruiser (inboard-เครื่องยนต์อยู่ในตัวเรือ) และ Mercury (outboard-เครื่องยนต์เกาะท้าย) ขณะที่ Catalina Series เป็นเรือแบบ Dual Console ที่ยกตำแหน่งผู้ขับให้สูงขึ้น ส่งผลดีต่อทัศนวิสัย เหมาะสำหรับการเดินทางแบบครอบครัว ปิดท้ายกับ Calypso Series ที่เป็นเรือแบบ Center Console กับตำแหน่งผู้ขับอยู่กลางลำเรือ จึงมีทางเดินด้านข้างสองฝั่ง ผู้โดยสารสามารถเดินรอบเรือได้สะดวก ซึ่งทั้ง Catalina Series และ Calypso Series ใช้เครื่องยนต์ Mercury ทั้งหมด
โชว์รูมแห่งแรกพร้อมศูนย์บริการครบวงจร
อาคารจัดแสดงเรือ ถูกออกแบบให้มีความรู้สึกเสมือนเข้ามาถึงภายในโรงต่อเรือ ด้วยโถงสูงเปลือยโครงสร้างและแสงธรรมชาติ ที่เปิดออกเป็นแนวเอียง สร้างเป็นรูปทรงที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ มองเห็นได้จากแม่น้ำ สามารถจัดแสดงเรือได้สูงสุด 6 ลำ ภายในได้รับการตกแต่งอย่างหรูหราชั้นล่างเป็นเลาจ์นต้อนรับลูกค้าในบรรยากาศผ่อนคลาย อีกทั้งมีการจัดสรรพื้นที่ให้สามารถอาบน้ำและแต่งตัว เพื่อคืนความสดชื่น หลังจากนำเรือกลับเข้ามา ก่อนผ่านโถงบันไดเวียนสู่ชั้นสอง เพื่อไปยังห้องรับรองพิเศษ ที่เพิ่มความเป็นส่วนตัวอีกระดับ พร้อมแพล็ดฟอร์มที่ยื่นออกไป ให้สามารถชมเรือได้ทั้งหมดจากมุมสูง เติมเต็มประสบการณ์พิเศษ กับ ‘Sunset Balcony’ ที่เป็นระเบียงเปิดโล่ง ให้ลูกค้าดื่มด่ำกับความงดงามของอาทิตย์อัสดง ระหว่างรับประทานอาหารค่ำกับมิตรสหายหรือครอบครัว
พร้อมสรรพกับสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน โดยทีมงานมืออาชีพที่พร้อมบริการนำเรือลงและขึ้นจากน้ำ ก่อนล้างทำความสะอาดเพื่อนำไปเก็บในช่องจอดที่มีบริการให้เช่า พร้อมอุ่นใจกับบริการหลังการขายที่มีประสิทธิภาพ กับศูนย์บริการมาตรฐาน เป็นอาคารขนาดใหญ่สองชั้นแยกอิสระจากโชว์รูม ติดตั้งอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการบำรุงรักษาเรือครบครัน อาทิ เครน และเครื่องมือพิเศษ ผสานบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ ผ่านการฝึกอบรมจาก Mercury Marine ประเทศสิงคโปร์