สังคม

heading

ศูนย์จีโนมฯ เตือนระวังโอมิครอน KP.3 หลบหลีกภูมิคุ้มกันได้ดี พบในไทย 2 ราย

ศูนย์จีโนมฯ เตือนระวังโอมิครอน KP.3 หลบหลีกภูมิคุ้มกันได้ดี พบในไทย 2 ราย

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ เตือนระวัง "โอมิครอน KP.3" สายพันธุ์ใหม่ที่คาดว่าจะมาแทนที่ JN.1 ชี้แพร่ได้ไวขึ้น-หลบภูมิคุ้มกันเก่งกว่าเดิม

จากกรณีที่ ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics เตือนระวัง โอมิครอน KP.3 สายพันธุ์ใหม่ที่พร้อมจะแทนที่ JN.1 ในอนาคตอันใกล้ หลังพบการกลายพันธุ์ที่ไม่เคยถูกพบมาก่อน ชี้จะแพร่ได้ไวขึ้น หลบหลีกภูมิคุ้มกันเก่งกว่าเดิม พร้อมเกาะติดสถานการณ์โควิด-19  

ศูนย์จีโนมฯ เตือนระวังโอมิครอน KP.3 โควิดสายพันธุ์ใหม่ พบในไทยแล้ว 2 ราย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

heading

ล่าสุดจากการสุ่มถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมของ SARS-CoV-2 จากนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกและแชร์ขึ้นไว้บนฐานข้อมูลโควิดโลก จีเสส (GISAID) พบโอมิครอนสายพันธุ์ใหม่ KP.3 ทั่วโลกจำนวน 295 ราย พบในไทย 2 ราย จากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา


วิเคราะห์จากรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมของโอมิครอน KP3 พบมีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) เหนือกว่าโอมิครอน JN.1 ที่ระบาดเป็นสายพันธุ์หลักทั่วโลกถึง 126% หรือ 2.26 เท่า


การที่โอมิครอน KP.3 มีความสามารถในการแพร่ระบาดได้ดีกว่า JN.1 ถึงเกือบ 2.3 เท่านี้ อาจเป็นผลมาจากการกลายพันธุ์เพิ่มเติมที่สำคัญบริเวณส่วนหนามของไวรัส (ที่ใช้จับกับผิวเซลล์) ณ ตำแหน่ง Q493E ที่ทำให้ไวรัสหลบหลีกภูมิคุ้มกันได้ดีขึ้น จึงแพร่ระบาดได้ง่ายขึ้นในประชากรที่เคยติดเชื้อหรือได้รับวัคซีนมาแล้ว


ข้อมูลนี้ชี้ให้เห็นว่าโอมิครอน KP.3 อาจกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดแทนที่ JN.1 ได้ในอนาคตอันใกล้ จึงจำเป็นต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและเตรียมมาตรการรับมือที่เหมาะสม


การวิวัฒนาการอย่างรวดเร็วของเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ยังคงสร้างความท้าทายในการต่อสู้กับโรคโควิด-19 สายพันธุ์ย่อยใหม่ของโอมิครอนที่เรียกว่า KP.3 ได้ถูกพบเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งวิวัฒนาการมาจากสายพันธุ์ JN.1 และกำลังก่อให้เกิดความกังวลในหมู่นักวิจัยเนื่องจากการกลายพันธุ์ที่ไม่เคยพบมาก่อนและความสามารถในการหลบหลีกภูมิคุ้มกันที่เพิ่มขึ้น

 

ศูนย์จีโนมฯ เตือนระวังโอมิครอน KP.3 โควิดสายพันธุ์ใหม่ พบในไทยแล้ว 2 ราย

ตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติของโอมิครอน สายพันธุ์ XBB, JN.1 และ KP.3


ตำแหน่งการกลายพันธุ์ที่สำคัญบนส่วนหนาม

  • XBB: F486P, N460K
  • JN.1: F456L, A475V/S
  • KP.3: F456L, Q493E


ผลต่อการจับกับตัวรับ ACE2 บนผิวเซลล์

  • XBB: ลดลงเล็กน้อย
  • JN.1: ไม่เปลี่ยนแปลงมาก
  • KP.3: ยังไม่มีข้อมูลชัดเจน แต่การกลายพันธุ์ Q493E ไม่เคยพบมาก่อน


ความสามารถในการหลบหลีกภูมิคุ้มกัน

  • XBB: สูงกว่าโอมิครอนสายพันธุ์ก่อนหน้า
  • JN.1: สูงกว่า XBB
  • KP.3: สูงกว่า JN.1 ถึง 1.9-2.4 เท่า


โอมิครอน KP.3 มีลักษณะเด่นคือการกลายพันธุ์ 2 ตำแหน่งบนโปรตีนส่วนหนามที่ใช้จับกับผิวเซลล์มนุษย์ (receptor-binding domain: RBD) ได้แก่ F456L และ Q493E การกลายพันธุ์ F456L พบได้ในโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย JN.1 อื่นๆ ด้วย และไม่ได้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการจับกับตัวรับ ACE2 บนผิวเซลล์ แต่อาจมีบทบาทในการหลบหลีกภูมิคุ้มกันเมื่อรวมกับการกลายพันธุ์อื่นๆ

 

ศูนย์จีโนมฯ เตือนระวังโอมิครอน KP.3 โควิดสายพันธุ์ใหม่ พบในไทยแล้ว 2 ราย

 

อย่างไรก็ตาม การกลายพันธุ์ Q493E เป็นสิ่งที่ทำให้โอมิครอน KP.3 แตกต่างจากสายพันธุ์อื่นๆ ของ SARS-CoV-2 การกลายพันธุ์นี้ไม่เคยถูกพบมาก่อน และผลกระทบต่อการจับกับตัวรับบนผิวเซลล์และความรุนแรงของโรคยังไม่เป็นที่แน่ชัด โดยปกติแล้ว การกลายพันธุ์ในตำแหน่งนี้ เช่น Q493R ที่พบในสายพันธุ์อัลฟา จะเพิ่มความจำเพาะในการเข้าจับกับตัวรับ ACE2 บนผิวเซลล์


การศึกษาพบว่าโอมิครอน KP.3 มีความสามารถในการหลบหลีกภูมิคุ้มกันสูงกว่า JN.1 และสายพันธุ์ย่อยอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด แอนติบอดีจากซีรัมจากผู้ติดเชื้อ JN.1 หรือ XBB มีระดับแอนติบอดีที่สามารถยับยั้งอนุภาคไวรัสโอมิครอน KP.3 ในหลอดทดลองที่ต่ำกว่า 1.9 ถึง 2.4 เท่า เมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่นที่ระบาดก่อนหน้า ซึ่งบ่งชี้ว่าการกลายพันธุ์บริเวณหนาม ณ. ตำแหน่ง Q493E อาจเป็นสาเหตุของการหลบหลีกภูมิคุ้มกันที่เพิ่มขึ้นนี้

 

ศูนย์จีโนมฯ เตือนระวังโอมิครอน KP.3 โควิดสายพันธุ์ใหม่ พบในไทยแล้ว 2 ราย


ความสามารถในการหลีกเลี่ยงการจดจำของระบบภูมิคุ้มกันที่เพิ่มขึ้นนี้ก่อให้เกิดความกังวลว่าโอมิครอน KP.3 อาจแพร่กระจายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในประชากรที่มีภูมิคุ้มกันต่อโอมิครอนสายพันธุ์ที่ระบาดก่อนหน้านี้ ดังนั้น การติดตามและศึกษาวิจัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับโอมิครอน KP.3 จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งเพื่อทำความเข้าใจผลกระทบของการกลายพันธุ์ที่ไม่เคยพบมาก่อนนี้ต่อการแพร่กระจาย ความรุนแรงของโรค และประสิทธิภาพของวัคซีนและการรักษาด้วยยาและแอนติบอดีสำเร็จรูปที่มีอยู่ในปัจจุบัน


เมื่อโควิด-19 ยังคงมีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง การติดตามสายพันธุ์ที่เกิดขึ้นใหม่จึงเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนากลยุทธ์ด้านสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพ การศึกษาสายพันธุ์อย่างโอมิครอน KP.3 จะช่วยให้นักวิจัยได้รับข้อมูลเชิงลึกที่มีค่าเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของ SARS-CoV-2 และปรับมาตรการเพื่อลดผลกระทบของการระบาดที่ยังคงดำเนินอยู่


ในขณะที่ผลกระทบทั้งหมดของโอมิครอน KP.3 ยังคงอยู่ระหว่างการศึกษา การปรากฏตัวของสายพันธุ์นี้เป็นการย้ำเตือนว่าการต่อสู้กับโควิด-19 ยังอีกยาวไกล การเฝ้าระวัง การวิจัย และความสามารถในการปรับตัวอย่างต่อเนื่องจะเป็นกุญแจสำคัญในการรับมือกับความท้าทายที่เกิดจากการวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องของเชื้อไวรัส SARS-CoV-2

 

ศูนย์จีโนมฯ เตือนระวังโอมิครอน KP.3 โควิดสายพันธุ์ใหม่ พบในไทยแล้ว 2 ราย

 

ขอบคุณ FB : Center for Medical Genomics

 

ข่าวเด่น

สลด นักเรียนหญิง ม.3 โรงเรียนดังโคราช พลัดตกอาคารเรียน ล่าสุด เสียชีวิตแล้ว

สลด นักเรียนหญิง ม.3 โรงเรียนดังโคราช พลัดตกอาคารเรียน ล่าสุด เสียชีวิตแล้ว

ผู้โดยสารระทึกทั้งลำ จู่ๆ เครื่องบินโดนยิง ขณะลงจอด

ผู้โดยสารระทึกทั้งลำ จู่ๆ เครื่องบินโดนยิง ขณะลงจอด

พ่อ "น้องเฟรม" ร่ำไห้ แจ้งข่าวลูกชายจากไปอย่างสงบ หลังต่อสู้กับมะเร็ง 4 ปี

พ่อ "น้องเฟรม" ร่ำไห้ แจ้งข่าวลูกชายจากไปอย่างสงบ หลังต่อสู้กับมะเร็ง 4 ปี

ชายขับรถไล่ชนคนมาออกกำลังกายในศูนย์กีฬาดัง ล่าสุดยอดผู้เสียชีวิตน่าตกใจ

ชายขับรถไล่ชนคนมาออกกำลังกายในศูนย์กีฬาดัง ล่าสุดยอดผู้เสียชีวิตน่าตกใจ

สถิติหวยลาว หวยลาวออกวันพุธ ผลหวยลาว หวยลาวพัฒนา หวยลาว 13/11/67

สถิติหวยลาว หวยลาวออกวันพุธ ผลหวยลาว หวยลาวพัฒนา หวยลาว 13/11/67

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

heading