เผยเบื้องลึกชีวิต ด.ต.ปิยนันท์ ถูกสาวพุ่งชนเจ็บสาหัส เป็นคนรักครอบครัวมาก
เปิดเบื้องลึกชีวิต ด.ต.ปิยะนันท์ สีเสื้อ เป็นคนรักครอบครัวมาก หลังถูกสาวขับเก๋งพุ่งชน อาการสาหัส ล่าสุดยังน่าห่วง
เป็นอีกหนึ่งข่าวที่สังคมยังคงติดตามกันอย่างต่อเนื่อง สำหรับกรณี ด.ต.ปิยะนันท์ สีเสื้อ ผู้บังคับหมู่สถานีตำรวจทางหลวง 3 กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจทางหลวง (ตำรวจทางหลวงลพบุรี) ถูกรถเก๋งพุ่งชนเมื่อเวลา 18.00น. วันที่ 16 เม.ย.2567 ขณะที่ปฏิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวกการจราจรให้แก่ประชาชน โดยการเปิดช่องทางพิเศษทางหลวงหมายเลขที่ 21 (ถนนสระบุรี-หล่มสัก) หมู่ที่ 4 ต.ดีลัง อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี
ถูกรถยนต์กระบะนิสสัน สีขาว หมายเลขทะเบียน กร 1405 สระบุรี มี น.ส.พรเพ็ช ปั้นสมใจ อายุ 27 ปี เป็นคนขับ ขับมาชนจนร่าง ด.ต.ปิยนันท์ กระเด็นลอยไป 10 เมตร อาการสาหัส นำตัวไปส่งโรงพยาบาลพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช อ.เมือง จ.ลพบุรี
วันที่ 18 เมษายน 2567 ล่าสุดเมื่อเวลา 11.20 น. ขบวนรถตำรวจนำตัว ด.ต.ปิยนันท์ สีเสื้อ ถึงรพ.ตำรวจและนำตัวเข้ารักษาทันที นาย ชัยวัฒน์ ด้วงกิ่ม อาสาสมัครเครือข่ายจักรยานยนต์ฉุกเฉินทางการแพทย์ กล่าวว่า ระหว่างการนำตัวมาได้รับความร่วมมือจากประชาชนเป็นอย่างดี พอเห็นรถฉุกเฉินมาก็หลบซ้ายทันที ทำให้การเคลื่อนย้าย ด.ต.ปิยนันท์ เป็นไปอย่างราบรื่นโดยใช้เวลาเพียง1ชั่วโมงครึ่ง เป็นเพราะได้รับการประชาสัมพันธ์ที่ดีจากทางสื่อต่างๆและเจ้าหน้าที่และประชาชนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ถ้าไม่ได้รับความอำนวยความสะดวกตรงนี้อาจจะใช้เวลา 2-3ชม.เลยทีเดียว
พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วย ผบ.ตร ได้เปิดเผยถึง การนำขบวนรถส่งตัว ด.ต.ปิยนันท์ สีเสื้อ หรือดาบต้าร์ อายุ 39 ปี ผู้บังคับหมู่สถานีตำรวจทางหลวง 3 กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจทางหลวง จากโรงพยาบาลจังหวัดลพบุรีมาถึงโรงพยาบาลตำรวจในเวลา 11.20 น โดยมีขบวนรถตำรวจทางหลวงรวม 6 คัน และรถจักรยานยนต์ร่วมขบวนด้วย ซึ่งการเดินทางได้ร้บความร่วมมือจากประชาชนเป็นอย่างดีและสามารถนำ ดาบต้าร์มาถึงที่ รพ.ตำรวจ ได้ตามเวลาที่กำหนด โดยทันทีเดินทางมาถึงทีมแพทย์ของโรงพยาบาลตำรวจ ได้เข้าไปเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเพื่อนำตัวลงจากรถและนำตัวไปยังห้องซีทีสแกนเพื่อทำการสแกนสมองในเบื้องต้นโดยเร่งด่วน
โดย พล.ต.ท.กรไชย เปิดเผยต่อว่า การเคลื่อนย้าย ด.ต.ปิยนันท์ จากจังหวัดลพบุรี ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที ความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งถือว่าทำเวลาได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากได้รับความร่วมมือจากประชาชนที่รับรู้ข่าวสารจากสื่อและโซเชียล รวมทั้งการเคลื่อนย้ายครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากตำรวจทางหลวง และรถพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉินจากโรงพยาบาลตำรวจ รวมทั้งมีทีมแพทย์ ทั้งสองโรงพยาบาลที่บูรณาการเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บร่วมกัน หลังจากนี้ มีความมั่นใจว่าจะได้รับการรักษาอย่างปลอดภัยเนื่องจากถึงมือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแล้ว
ส่วนการดำเนินคดีกับ หญิงที่ขับรถชนดาบตำรวจเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนพนักงานสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี ซึ่งดำเนินการทุกอย่างตามขั้นตอนของกฎหมาย
ขณะนี้มีการตั้งข้อหาขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส และเตรียมเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว สำหรับการช่วยเหลือเยียวยา ด.ต.ปิยนันท์ เรามีกองทุนสวัสดิการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองทุนมูลนิธิพจน์บุญยะจินดา รวมถึงเรื่องบำเหน็จความชอบที่ต้องได้รับในทุกมิติ ส่วนเรื่องของญาติขณะนี้ ได้อำนวยความสะดวกโดยการจัดที่พักไว้ให้ ใกล้กับผู้ป่วยเพื่อให้ง่ายต่อการเข้าเยี่ยม
ทางด้าน พล.ต.ต. เอกลักษณ์ ดีรุ่งโรจน์ นายแพทย์ สบ.6 โรงพยาบาลตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยภาพรวมการรักษาว่า ต้องรอการประเมินผลจากทีมแพทย์อีกครั้งหลังจากมีการผ่าตัดไปเมื่อวานนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ที่จะเคลื่อนย้ายผู้ป่วยมีอาการไม่คงที่ เมื่อมาถึงโรงพยาบาลตำรวจทางแพทย์ได้นำตัวผู้ป่วยเข้าซีทีสแกน เพื่อประเมินผลการรักษาอีกครั้ง
ส่วนจะมีการผ่าตัดซ้ำรอบสองหรือไม่ ต้องรอการประเมินจากแพทย์อีกครั้ง ซึ่งตอนนี้เมื่อถึงมือแพทย์แล้วอาการผู้ป่วยทรงตัวและไม่รู้สึกตัว โดยเบื้องต้น พบว่าผู้ป่วยมีอาการกระดูกหักหลายทั้งบริเวณขา แขน เบ้าตาบวม แต่ถือว่าอาการส่วนนี้ไม่น่าหนักใจสามารถรักษาตามอาการได้ แต่ส่วนที่ยังมีความกังวลคือภาวะเลือดออกในสมองหลังการผ่าตัด
ล่าสุดมีรายงาน ทีมโฆษกโรงพยาบาลตำรวจแจ้งว่า จากการประเมินผลซีทีสแกน พบว่า มีเลือดออกที่สมองด้านซ้ายทีมแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ จึงลงความเห็นว่าต้องผ่าตัดซ้ำเพื่อนำเลือดที่คลั่งอยู่ออกก่อนทำการรักษาตามอาการต่อไป
ขณะที่ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ (สบ.8 )โรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผยว่าเบื้องต้นมีรายงานจากโรงพยาบาลต้นทางว่าขณะนี้ได้ทำการผ่าตัดสมองของผู้ป่วยและเจาะนำเลือดที่คลั่งอยู่ภายในสมองออกมาได้แล้ว แต่ยอมรับว่าผู้ป่วยยังมีอาการหนักต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ในการรักษาพยาบาลหลังจากนี้ทางโรงพยาบาลตำรวจจะต้องประเมินจากผลการประเมินการรักษาจากโรงพยาบาลต้นทางและการตรวจสภาพร่างกายของผู้ป่วยว่าจะต้องมีการผ่าตัดเพิ่มเติมอีกหรือไม่ เนื่องจากขณะนี้ผู้ป่วยยังไม่รู้สึกตัวจึงจำเป็นต้องเฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิดซึ่งสิ่งที่ทีมแพทย์มีความเป็นห่วงมากที่สุดคือภาวะการบอบช้ำทางสมองที่ค่อนข้างรุนแรง
สำหรับประวัติ ด.ต.ปิยนันท์ สีเสื้อ หรือดาบต้าร์ อดีตรับราชการอยู่ ตชด.พหลโยธิน ช่วงยศจ่าตำรวจ ทำหน้าที่ขับรถนำพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก่อนขอย้ายไปบ้านเกิดจังหวัดลพบุรี ติดยศดาบตำรวจ สังกัดตำรวจทางหลวง ชีวิตส่วนตัวทุกวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ จะรับไม้กวาดจากชาวบ้านจังหวัดลพบุรี มาขายที่กรุงเทพ เพื่อเป็นรายได้เสริมของครอบครัว ซึ่ง ด.ต.ปิยนันท์ มีลูกเล็ก 2 คนซึ่งถือเป็นเรื่องน่าเศร้าอย่างมากที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น