อดีตแฟนสาว แฉ ส.ต.ท.คอมมานโด ข่มขู่พูดจาดูถูก หลังแอบถ่ายคลิป
ต้นอ้อ เจ้าของเพจเป็นหนึ่ง พาอดีตแฟนสาวของ ส.ต.ท.คอมมานโด ร้องถึงผบ.ตร. เอาผิดทางวินัยให้ถึงที่สุด หลังโดนข่มขู่หลังโพสต์คลิปลับ ลงโซเชียล
จากกรณีสาวร้อง "เป็นหนึ่ง" ถูกอดีตแฟนเป็นนายตำรวจคอมมานโด ข่มขู่ขอมีความสัมพันธ์ด้วย ซ้ำยังปล่อยคลิปลับ ของผู้เสียหายลงโซเชียล ผู้เสียหายเคยเข้าแจ้งความและร้องไปทางต้นสังกัดแล้ว แต่เรื่องเงียบ โดยเมื่อ 7 มีนาคม 2567 คุณ อ้อ ชลิดา พะละมาตย์ หรือ ต้นอ้อ เจ้าของเพจเป็นหนึ่ง ได้พาผู้เสียหายที่ถูกตำรวจยศสิบตำรวจโท สังกัดกองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ หรือ คอมมานโด ตั้งกล้องแอบถ่ายคลิปภาพขณะร่วมหลับนอน แล้วเอาภาพไปขายเผยแพร่ในกลุ่มลับเข้าร้องขอความเป็นธรรม ถึง ผบ.ตร. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้รับหนังสือดังกล่าว
ผู้เสียหายเปิดเผยว่า ตนคบหากับตำรวจนายดังกล่าวช่วงปี 2565 คบกันได้ปีกว่า อาศัยอยู่ด้วยกันที่แฟลตตำรวจในเมืองทองธานี ช่วงแรกๆ ที่คบกันเทคแคร์ดูแลอย่างดี ซึ่งตอนที่มีความสัมพันธ์ ก็ทราบว่า มีการถ่ายคลิปไว้แต่ด้วยความรักจึงไม่ได้คิดอะไร
- ช่วงหลังเริ่มมีนิสัยเจ้าชู้ ปากร้าย อารมณ์ร้าย และเคยทำร้ายร่างกายด้วย หลังเลิกรากันไป ผู้ชายมีแฟนใหม่มาตลอด แต่ก็ยังติดต่อตนผ่านไลน์ บอกให้ไปหา แถมยังโดนข่มขู่ว่า จะส่งคลิป และรูปภาพโป๊เปลือยไปที่ทำงาน และพูดจาดูถูกว่าเป็นแค่พนักงานลูกจ้างไม่มีใครสนใจ
สุดท้ายภาพที่ข่มขู่ก็ถูกนำไปโพสต์ลงสื่อโซเชียลช่องทางต่าง ๆ หลายภาพ หลายคลิปมีคนดูตอนนี้เกือบ 1 ล้านคนแล้ว แม้จะมีการแจ้งให้ลบไปแล้ว แต่คนโพสต์ก็บอกว่าได้โหลดเก็บไว้ พร้อมนำไปลงใหม่ รวมถึงนำไปขายต่อให้ดูในกลุ่มลับ ส่งผลกระทบทุกอย่างในชีวิตครอบครัวการงานและการใช้ชีวิตประจำวันต้องใช้ชีวิตแบบวิตกกังวล ที่ผ่านมาตนไม่เคยได้รับคำขอโทษจากฝ่ายชาย มีแต่ขอตนว่าอย่าเอาเรื่อง
ถึงแม้ตนจะเคยร้องเรียนกับต้นสังกัด กองกำกับการต่อต้านการก่อการร้าย กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษคอมมานโด แต่ก็ไม่หยุดการกระทำดังกล่าว จึงต้องตัดสินใจดำเนินคดีตามกฎหมาย วันนี้ พล.ต.ต ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับมอบหมายให้มารับเรื่องด้วยตนเอง
ยืนยันกับทางผู้เสียหายและสื่อมวลชนว่า จะดำเนินการอย่างเคร่งครัด และเรื่องนี้ มี 2 ส่วนคือเรื่องทางคดี ที่ สภ. เมือนนทบุรี แจ้งข้อหาไปแล้วเมื่อวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา ตามความผิด พรบ.คอมพิวเตอร์มาตรา 14(4) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีปรับไม่เกิน 100,000 บาท และหากพฤติการณ์อื่นที่เข้าข่ายกระทำความผิดจะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในส่วนของสำนวนการสอบสวนยืนยันว่ากระทำอย่างละเอียดและรอบคอบรวดเร็ว
ส่วนคดีทางวินัยต้นสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง รับทราบเรื่องแล้วและกำชับให้ทำอย่างตรงไปตรงมา ผิดว่าไปตามผิด ถ้าเป็นคดีทางวินัยร้ายแรงจะต้องปลดออกไล่ออกก็ว่ากันไป พฤติกรรมแบบนี้ตำรวจไม่ทำกัน การกินในที่ลับ แล้วมาขายที่แจ้ง ถึงแม้จะเป็นเรื่องส่วนตัว ซึ่งส่งผลกระทบต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างร้ายแรง คดีนี้ให้ความยุติธรรมแน่นอน ฝากถึงคนที่ดูคลิปแล้วส่งต่อก็มีความผิดทาง พ.ร.บ คอมพิวเตอร์ ด้วย