พี่ชายผู้เสียชีวิต ทนไม่ไหว บุกโรงพัก ลั่น ไม่เชื่อน้องไถเงิน ได้ไปวันละ 150
พี่ชายเด็กนักเรียนผู้เสียชีวิต บุกโรงพักคลองตัน ลั่น ไม่เชื่อน้องไถเงินเพื่อน เพราะได้เงินไปโรงเรียนวันละ 150 บาท
วันนี้ 29 ม.ค.67 กรณีคดีเด็กนักเรียนชั้น ม.2 ยิงเพื่อนเสียชีวิต ในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งย่านพัฒนาการ 26 คืบหน้าล่าสุดฝั่งพี่ชายเด็ก ม.2ผู้เสียชีวิต บุกโรงพักคลองตัน พร้อมยืนยันไม่เชื่อคำให้การมือแทง ที่บอกว่าแค้นเพราะถูกไถเงิน ลั่น น้องชายได้เงินไปโรงเรียนวันละ 150 บาท จะไปไถเงินคนอื่นทำไม
พ.ต.อ.วชิรากรณ์ วงศ์บุญ ผกก.สน.คลองตัน เปิดเผยความคืบหน้าหลังการสอบปากคํานักเรียนชั้น ม.2 ผู้ก่อเหตุใช้อาวุธมีดปอกผลไม้แทงเพื่อนร่วมชั้นจนเสียชีวิต ที่โรงเรียนย่านพัฒนาการ26 ว่า สาเหตุการก่อเหตุเกิดจากความคับแค้นใจที่ถูกผู้ตายบังคับขอเงิน ไถเงินเวลาพักเที่ยงก่อนอ้างว่าจะนําไปซื้อบุหรี่และมีการชกที่ศีรษะกับใบหน้าในช่วง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา โดยถูกกระทําประมาณ 3-4 ครั้ง ซึ่งทางตํารวจจะเรียกสอบพยานว่ามีใครเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวหรือไม่
พ.ต.อ.วชิรากรณ์ ยืนยันว่าผู้ก่อเหตุมีสภาพสติสัมปชัญญะเต็มร้อย รวมทั้งทนายความ นักจิตวิทยาและอัยการ 3 คน ลงความเห็นว่าผู้ก่อเหตุมีสภาพจิตใจปกติ แต่เพื่อความชัดเจนเบื้องต้นจะส่งตัวไปตรวจสภาพจิตใจอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาล
ในส่วนของอาวุธมีดที่ใช้ก่อเหตุนั้น ผู้ก่อเหตุอ้างว่า ด้วยความคับแค้นใจจึงไปซื้อมีดมาตั้งแต่วันเสาร์ก่อนพกไปเมื่อช่วงเช้าและเก็บซ่อนไว้ในโรงเรียน สําหรับกรณีของสารเสพติดเมื่อช่วงเช้าหลังคุมตัวมาที่โรงพักได้มีการตรวจสารเสพติดแล้วไม่พบ
แต่ผู้ก่อเหตุยอมรับว่าเคยลองสูบกัญชาเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาแต่ไม่ได้เสพติด และตนเองขอยืนยันว่าผู้ก่อเหตุไม่เคยมีประวัติเข้าออกโรงพักแต่อย่างใดตามที่มีเพจหนึ่งกล่าวอ้าง
ทั้งนี้ พี่ชายผู้เสียชีวิต ได้เดินทางมายัง ที่สน.คลองตัน เพื่อหวังจะเจอมือก่อเหตุ แต่ก็ไม่ทันได้เจอ โดย พี่ชายเผยว่า เรื่องที่บอกว่า น้องชายไปไถเงินอีกฝ่ายนั้น ส่วนตัวตนไม่เชื่อ เพราะน้องก็ได้เงินไปโรงเรียนวันละ 150 บาท จะไปไถเงินเพื่อนทำไม
ด้าน พันตำรวจเอกหญิงฉันฉาย รัตนพานิช รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติระบุ เปิดเผยถึงกรณีเหตุการณ์ที่มีเด็กมัธยมแทงกันเสียชีวิตภายในโรงเรียนย่านพัฒนาการเมื่อช่วงสายที่ผ่านมาว่า ภายหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พาตัวผู้ก่อเหตุไปที่ สน.คลองตัน พร้อมทั้งเชิญสหวิชาชีพมาสอบปากคำตามกระบวนการกฎหมาย
เบื้องต้น พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่น ส่วนสาเหตุยังอยู่ระหว่างการสอบสวน หากสอบปากคำแล้วเสร็จจะพาไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล และ รอฟังผลการตรวจจากแพทย์เพื่อพิจารณาแนวทางในการดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ ซึ่งหากพบว่าเป็นเด็กพิเศษจะมีขั้นตอนดำเนินการที่แตกต่างกัน
โดยหากป่วยจิตเวชหรือวิกลจริตจะต้องดูว่าสามารถเข้าสู่กระบวนการสู้คดีได้หรือไม่ หากไม่สามารถ สู้คดีได้จะงดการสอบสวน แต่หากสามารถสู้คดีได้ก็ ต้องให้ผู้อนุบาล ข้าหลวงประจำจังหวัด หรือผู้ที่มีอำนาจรับไปดูแลรักษาอาการจนกว่าจะเห็นสมควร จึงจะเข้าสู่กระบวนการสอบสวนตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป ซึ่งพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยังได้กำชับไปยังผู้บัญชาการตำรวจนครบาลให้เร่งรัดดำเนินการในทุกมิติภายในกรอบระยะเวลา เนื่องจากเป็นเรื่องที่ประชาชนและสังคมให้ความสนใจ และขอความร่วมมือประชาชน ระมัดระวังในการส่งต่อ เผยแพร่ ภาพหรือประวัติของผู้ก่อเหตุและผู้เสียชีวิตในคดีนี้ เนื่องจากทั้งคู่ยังเป็นเยาวชน
ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้ พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเคยระบุว่า จะศึกษารวบรวมสถิติการก่อเหตุของเด็กและเยาวชน เพื่อให้กระทรวงยุติธรรมนำไปพิจารณาในการปรับแก้ข้อกฎหมายการดำเนินคดีกับเด็กที่อายุต่ำกว่า 15 ปีนั้น คาดว่าในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะดำเนินการรวบรวมข้อมูลเสร็จสิ้นภายในสิ้นเดือนนี้ เนื่องจากต้องมีการแยกข้อมูลประเภทของคดีอย่างละเอียดเพื่อให้ข้อมูลเกิดความชัดเจนก่อนจะส่งให้กระทรวงยุติธรรมต่อไป