สามีเผยสาเหตุที่แท้จริง สัตวแพทย์จบชีวิต พร้อมลูกสาว ไม่ใช่เรื่องหนี้สิน
สามีเผยสาเหตุที่แท้จริง สัตวแพทย์หญิง ดื่มไซยาไนด์ปลิดชีพตัวเองพร้อมกับลูกสาววัย 12 ปี ไม่ใช่เพราะเรื่องหนี้สิน
จากเหตุสลดสัตวแพทย์หญิงนงลักษณ์ อายุ 41 ปี ดื่มไซยาไนด์ปลิดชีพตัวเองพร้อมกับลูกสาววัย 12 ปี พร้อมทิ้งข้อความสั่งเสียให้เผาแม่กับลูกในโลงเดียวกัน ไม่ต้องจัดงาน โดยผู้ที่มาพบศพในครั้งนี้คือนายทวีศักดิ์ ลูกจ้างที่อาศัยอยู่บ้านที่ติดกัน นายทวีศักดิ์บอกว่า ปกติไม่เกิน 08.00 น. คุณหมอจะไปทำงานที่คลินิก
แต่เมื่อวานบ้านเงียบ ประตูรั้วคล้องกุญแจเอาไว้ ประตูบ้านไม่ได้ล็อก รองเท้ายังอยู่ ตนจึงเข้าไปดู และเมื่อไปดูที่ห้องนอนก็พบ 2 แม่ลูกอยู่บนเตียง เมื่อร้องเรียกก็เงียบ จึงเดินไปจับตัวดูและพบว่าตัวเย็นและแข็ง จึงทราบว่าทั้งสองคนตายแล้ว ตนจึงโทร. หาเจ้าหน้าที่
ในช่วงบ่าย สามีของคุณหมอ ได้เผยว่า สาเหตุที่คุณหมอฆ่าตัวตาย ไม่ใช่เพราะเรื่องหนี้สิน ตนและคุณหมอแต่งงานกันกว่า 10 ปี มีลูกสาว 1 คน ภายหลังตนและภรรยามีปัญหาครอบครัวกัน และแยกกันอยู่
ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา คุณแม่ของคุณหมอป่วยติดเตียง คุณหมอก็เครียดมากจนป่วยเป็นโรคซึมเศร้า และหันไปนับถือลัทธิโยเร ที่มักจะประกอบพิธีกรรมพิศดาร คนที่เป็นสาวกจะแบ่งชนชั้น ต้องสละเงินเพื่อให้ได้ขึ้นสวรรค์ ตนก็ไม่รู้ว่าภรรยาไปรู้จักกับลัทธินี้ได้อย่างไร
แต่มันทำให้ภรรยาตนเชื่อจนเขียนข้อความในจดหมายทิ้งไว้ว่า "ขอให้การตายครั้งนี้ นำมาซึ่งอิสรภาพทั่วทุกจักรวาล" และทิ้งเงินไว้ 100,000 บาท เพราะความเชื่อที่ว่า สละเงินแล้วจะได้ขึ้นสวรรค์ ก่อนหน้าที่ภรรยาและลูกสาวจะเสียชีวิต เจ้าตัวเผยว่ามีความรู้สึกใจหวิว ๆ
ทั้งนี้ ลัธธิโยเร ถือกำเนิดจากญี่ปุ่น อ้างว่าได้รับพลังอำนาจจากพระเจ้า และใช้แสงในการรักษาเพื่อขจัดความเจ็บป่วย ความยากจน ความขัดแย้ง เพื่อชำระจิตวิญญาณ ซึ่งลัธธินี้ถูกแบล็กลิสต์ และถูกจับตามองอย่างหนักในหลายประเทศ เพราะมีความเชื่อผิด ๆ เรื่องการรักษาของลักธินี้
นอกจากนี้ ยังเคยมีรายงานว่า เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2562 มีชายคนหนึ่งเสียชีวิตในบ้านที่นครนายก และมีผู้หญิง 2 คน คือ หมออ้อย และ นางสาวพุฒินันท์ อยู่กับศพ 12 วัน และเอาปูนขาวโรยจนศพแห้งโดยทราบข้อมูลต่อมาว่า บ้านหลังนี้เปิดรักษาผู้ป่วยตามแบบลัทธิโยเร โดยที่ญาติได้พาชายคนนี้มารักษาที่บ้าน โดยการรักษาคือ สวดคาถา ไม่ต้องกินยา เมื่อผู้ตายเสียชีวิตก็ไม่มีการแจ้งเจ้าหน้าที่ เพราะคนตายสั่งเสียเอาไว้ว่าจะฟื้นขึ้นมา
ปี 2564 ลูกชายของ นางสาวพุฒินันท์ ก็เสียชีวิตด้วยโรคประจำตัว และนางสาวพุฒินันท์ก็นั่งเฝ้าศพลูกไว้ 3 วัน ไม่ยอมเอาลูกไปทำพิธีทางศาสนา จนศพของลูกเน่าและส่งกลิ่นเหม็น