ตร.รวบป้าวัย 64 ปี เปิดร้านขายถ่าน เหตุไร้ใบอนุญาต ยึดของกลาง 6 ตัน
ตำรวจสอบสวนกลาง รวบป้าวัย 64 ปี เปิดร้านขายถ่านไม้ริมทางไม่มีใบอนุญาต ยึดของกลาง 6 ตัน ด้านป้ายันไม่รู้กฎหมาย
วันที่ 15 ธ.ค.66 จากกรณีตํารวจสอบสวนกลาง รวบป้าร้านขายถ่านไม้ ไร้ใบอนุญาตครอบครองของป่าหวงห้าม โดยมีสต็อกถ่านไม้ล้น เกิน 6 ตัน โดยเจ้าหน้าที่ร่วมกันจับกุม นางลมัยพร วัย 64 ปี พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาตาม พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 “มีไว้ใน ครอบครองซึ่งของป่าหวงห้าม (ถ่านไม้ทุกชนิด) เกินปริมาณที่รัฐมนตรีประกาศกําหนดในราชกิจจานุเบกษา โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” ซึ่งจะมีอัตราโทษจําคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ พร้อมของกลาง ถ่านไม้ทุกชนิด(500 กระสอบ)มากกว่า 6 ตัน
โดยสถานที่จับกุม ร้านขายถ่านไม้ริมถนนทางหลวงหมายเลข 1276 ต.ไผ่รอบ อ.เมือง จ.พิจิตร
พฤติการณ์
เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตํารวจ ได้ตรวจสอบพบมีร้านขายถ่านไม้ใส่กระสอบวางขายอยู่เป็น จํานวนมากที่ริมถนนทางหลวง จึงได้สอบถามเจ้าของร้าน คือ นางลมัยพร พบว่าไม่เคยขออนุญาตครอบครอง ของป่าหวงห้ามมาก่อน ตรวจสอบรอบบริเวณร้านมีถ่านสต็อกอยู่มากกว่า 6 ตัน (500 กระสอบ) โดยที่นางลมัยพร อ้างว่ารับซื้อมาเก็บไว้ใช้ในครัวเรือน และแบ่งขายตามโอกาส จึงไม่ได้ไปขออนุญาต
เจ้าหน้าที่ตํารวจ จึงได้แจ้งให้ นางลมัยพร ทราบว่า ถ่านไม้ทุกชนิด ถือเป็นของป่าหวงห้าม ตามพระราช กฤษฎีกา กําหนดของป่าหวงห้าม พ.ศ. 2530
ซึ่งการที่จะมีไว้ในครอบครองเพื่อใช้ในครัวเรือนจะต้องมีไม่เกิน 130 กิโลกรัมเท่านั้น ตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ฯ ลงวันที่ 22 มกราคม 2531 หากเกินกว่านั้น ผู้ครอบครองจะต้องได้รับจากพนักงานเจ้าหน้าที่เสียก่อน จึงจะสามารถครอบครองไว้เพื่อประกอบการค้าได้
จากนั้นจึงได้ทําการตรวจยึดถ่านไม้ รวมแล้วนำ้หนักกว่า 6,000 กิโลกรัม พร้อมกับนําตัวนางลมัยพรฯ ผู้ต้องหา รายนี้ นําส่งพนักงานสอบสวน สภ.โพธิ์ประทับช้าง ดําเนินคดี
ทั้งนี้ ตํารวจสอบสวนกลาง ขอประชาสัมพันธ์ ให้ทราบว่า การประกอบกิจการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ การป่าไม้ และทรัพยากรธรรมขาติ ผู้ที่ประกอบกิจการต้องศึกษาข้อกฎหมายให้ดีก่อนที่จะกระทําการ เพราะ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นทรัพยากรอันมีค่าและควรหวงแหน รักษาเก็บไว้ให้ลูกหลานสืบไป และการประกอบกิจการ ทุกอย่างต้องขออนุญาตตามขั้นตอนให้ถูกต้อง ถึงแม้ว่าจะเป็นวิถีชาวบ้าน แต่หากวิถีนั้นขัดต่อกฎหมาย ย่อม ถูกดําเนินคดีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในที่สุดแล้วก็จะอ้างว่าไม่รู้กฎหมายไม่ได้เช่นเดียวกัน