บุกค้นคลินิกเสริมความงาม ใช้เครื่องสำอางฉีดแทนยา และเครื่องสำอางไม่มี อย.
บุกค้นคลินิกเสริมความงาม ใช้เครื่องสำอางฉีดแทนยา , ยาไม่มีทะเบียน และเครื่องสำอางไม่มี อย. ยึดของกลางได้ 943 ชิ้น
วันที่ 22 กันยายน 2566 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปคบ. โดยการสั่งการของ พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ, พ.ต.อ.ชัฏฐ นากแก้ว, พ.ต.อ.ปัญญา กล้าประเสริฐ รอง ผบก.ปคบ., ว่าที่ พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.4 บก.ปคบ., กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ โดย นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และ นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ, สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
โดย นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา, ภก. วีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ร่วมกันแถลงผลการตรวจค้น 4 คลินิกเสริมความงามที่ใช้เครื่องสำอางฉีดแทนยา, ยาไม่มีทะเบียน และเครื่องสำอางแสดงฉลากไม่ถูกต้อง รวมกว่า 943 ชิ้น
ต่อมาวันที่ 13 กันยายน 2566 เจ้าหน้าที่ อย., เจ้าหน้าที่ สบส. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. เข้าร่วมตรวจสอบสถานพยาบาลคลินิกเสริมความงาม 4 แห่ง ในพื้นที่เขตสวนหลวง, เขตบึงกุ่ม, เขตดุสิต และเขตวังทองหลาง จากการสอบสวนปากคำแพทย์และผู้ช่วยพยาบาล ทั้ง 4 คลินิกให้การว่า เครื่องสำอางของกลางที่ตรวจยึด เป็นเครื่องสำอางที่ได้จดแจ้งเลข อย. ประเภทเครื่องสำอางสำหรับทาผิว/ผิวหน้า โดยไม่ต้องล้างออก แต่ลักษณะขวดผลิตภัณฑ์บรรจุในภาชนะบรรจุรูปแบบไวแอล มีลักษณะขวดแก้วใส มีฝาจุกยาง ปิดฝาขวดด้วยอลูมิเนียม คล้ายขวดยาสำหรับฉีด โดยอ้างว่ามีคุณสมบัติในการบำรุงรักษา, ฟื้นฟูสภาพผิว, ลดฝ้า กระ จุดด้างดำ และริ้วรอย, กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ฯลฯ อันมีลักษณะผิดวัตถุประสงค์ของเครื่องสำอางที่จดแจ้งไว้ และพบว่ามียาที่ไม่มีทะเบียน เครื่องสำอางที่มีฉลากไม่ถูกต้อง เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันตรวจสอบใบประวัติการรักษาของผู้เข้ารับบริการพบว่า มีการตรวจรับรักษาด้วยการฉีดเครื่องสำอางที่ตรวจยึดจริง โดยของกลางที่ตรวจยึดได้ทั้งหมด 943 ชิ้น เป็นเครื่องสำอางที่นำมาฉีดกว่า 779 ชิ้น, ยาไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยากว่า 109 ชิ้น และเครื่องสำอางที่มีฉลากไม่ถูกต้อง 55 ชิ้น ของกลางทั้งหมดนำส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. ดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
ภก.วีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ปฏิบัติการในครั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอขอบคุณตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ที่สืบสวน ขยายผลร่วมตรวจสอบคลินิกที่โฆษณาและรีวิวในเว็บไซต์มีการนำเครื่องสำอางในขวดรูปแบบยาฉีด (แอมพูล/ไวแอล) ฉีดเข้าร่างกายหรือใช้ร่วมกับเครื่องมือแพทย์อื่น ๆ ในการผลักดันสารเข้าสู่ผิวหนังเพื่อความสวยงาม โดยอ้างว่าผลิตภัณฑ์นั้นผ่าน อย. แล้ว
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ที่จดแจ้งเป็นเครื่องสำอางจะไม่มีการประเมินความปลอดภัยจากการใช้กรณีนำไปฉีดหรือใช้ร่วมกับเครื่องมือแพทย์ เนื่องจากเครื่องสำอางจะใช้ทาภายนอก ดังนั้น หากนำเครื่องสำอางไปใช้ผิดวิธีหรือผิดวัตถุประสงค์อาจเกิดอันตรายต่อผู้ใช้ได้ ทั้งนี้ อย. ได้มีการเพิกถอนใบรับจดแจ้งเครื่องสำอางที่พบว่ามีการนำไปใช้ฉีดแล้ว จำนวน 3 ฉบับ และมีการดำเนินคดีผู้โฆษณาจำนวน 12 ราย
จึงขอเตือนทั้งผู้ให้บริการและผู้รับบริการในคลินิกเสริมความงาม โรงพยาบาล ให้ตรวจสอบฉลากและพิจารณาการใช้ผลิตภัณฑ์ในรูปแบบแอมพูล/ไวแอลอย่างละเอียด โดยเฉพาะที่มีการกล่าวอ้างว่า “ผ่าน อย. แล้ว” เพราะผลิตภัณฑ์ที่ผ่าน อย. มีหลายประเภทตามระดับความเสี่ยง กรณีผลิตภัณฑ์ที่ใช้ฉีดเข้าสู่ร่างกาย จัดว่ามีความเสี่ยงสูง ต้องผ่านการขึ้นทะเบียนเป็นยา หรือเครื่องมือแพทย์เท่านั้น โดย อย.ได้จัดทำข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการจดแจ้งเป็นเครื่องสำอางที่บรรจุอยู่ในแอมพูล/ไวแอล เผยแพร่ให้ประชาชนเข้าตรวจสอบได้ในเว็บไซต์ อย. หากพบว่าผลิตภัณฑ์จดแจ้งเป็นเครื่องสำอาง ห้ามนำมาใช้ฉีดเข้าสู่ร่างกายหรือใช้ร่วมกับเครื่องมือแพทย์อื่น ๆ เพื่อผลักดันสารเข้าสู่ผิวหนังโดยเด็ดขาด และการใช้ยาในคลินิกเสริมความงาม โรงพยาบาล จะต้องเป็นยาที่ขึ้นทะเบียนตำรับยากับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแล้วเท่านั้น หากผู้บริโภคพบคลินิกที่มีพฤติการณ์ดังกล่าวข้างต้น สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน อย.1556 หรือผ่าน Email: [email protected], Line: @FDAThai, Facebook: FDAThai หรือ ตู้ปณ.1556 ปณฝ.กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ