พระปรางค์วัดอรุณฯ เอียง กรมศิลปากร เตรียมสำรวจทุก 3 เดือน
พระปรางค์ วัดอรุณ เอียง กรมศิลปากร สำรวจพบ มณฑป ของวัดอรุณ มีการเอียงทรุดตัว แต่ยันไม่อันตราย เตรียมสำรวจทุก 3 เดือน
พระปรางค์วัดอรุณฯ เอียง เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 2566 ที่ผ่านมา กรมศิลปากร ได้ทำการสำรวจ พระปรางค์ ของ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร เขต บางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร เป็นโบราณสถานที่สำคัญของประเทศไทย และจากผลการสแกนพระปรางค์วัดอรุณฯ กรมศิลปากร แจ้งว่าพบการทรุดตัวเล็กน้อย ส่งผลพระปรางค์ทิศและมณฑป เริ่มเอียงเข้าหาพระปรางค์ประธาน
กรมศิลปากร อธิบายเรื่องการทรุดตัวครั้งนี้ว่าอาจเกิดจากการทรุดตัวเดิมอยู่แล้วหรืออาจจะเป็นการทรุดตัวจากผลกระทบหลายอย่าง ซึ่งแนวทางการดูแลรักษาหลังจากที่ได้ปรึกษากันแล้วว่าทางกรมศิลปากรได้วางเงื่อนไขร่วมกันว่าจะมีการสำรวจความเอียงขององค์พระปรางค์ทั้งหมดและการทรุดตัวทุก 3 เดือน เพื่อดูว่าความเอียงมีมากขึ้นหรือเท่าเดิม รวมทั้งวางแนวทางการบูรณะองค์พระปรางค์ด้วย
วัดอรุณฯ เป็นวัดโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อว่า "วัดมะกอก" แต่เมื่อครั้งสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช มีพระราชประสงค์ย้ายราชธานีมาตั้ง ณ กรุงธนบุรี โดยกรีธาทัพมาทางชลมารค และมาถึงหน้าวัดมะกอกเอารุ่งสาง จึงเปลี่ยนชื่อเป็น "วัดแจ้ง" จวบจนสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 เถลิงถวัลยราชสมบัติ แต่ยังไม่ทันแล้วเสร็จ พระองค์เสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 จึงทรงดำเนินการปฏิสังขรณ์ต่อจนเสร็จ โดยพระราชทานนามวัดว่า "วัดอรุณราชวราราม" และกลายเป็นวัดประจำรัชกาลในพระองค์
พระปรางค์ใหญ่วัดอรุณฯ ถือได้ว่าเป็นศิลปกรรมที่สง่าและโดดเด่นที่สุด ก่อสร้างโดยช่างฝีมือที่มีความเชี่ยวชาญ บนพระปรางค์ประดับด้วยเครื่องกระเบื้องเคลือบและเครื่องถ้วยชามเบญจรงค์ที่นำเข้ามาจากจีน ซึ่งมีลวดลายงดงามเป็นของเก่าแก่และหายาก โดยได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์เรื่อยมาจนถึงสมัยรัชกาลที่ 5
บริเวณโดย รอบพระปรางค์ใหญ่วัดอรุณฯ ประกอบด้วยพระปรางค์เล็ก 4 องค์ รอบ 4 ทิศ ภายในมีรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ กำแพงแก้วกั้น มีฐานทักษิณ 3 ชั้น มีรูปปั้นมารและกระบี่แบกฐานสลับกัน นอกจากนั้นมีซุ้ม 4 ซุ้ม มีพระนารายณ์อวตาร เหนือขึ้นไปเป็นยอดปรางค์ มีเทพพนมนรสิงห์เพื่อปราบยักษ์
ปัจจุบันพระปรางค์วัดอรุณฯ ได้ดำเนินการบูรณะครั้งใหญ่อีกครั้งตั้งแต่ประมาณวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2556 และได้ดำเนินการสำเร็จลุล่วงเป็นที่เรียบร้อย หลังจากที่ประสบปัญหาพระปรางค์ทรุดโทรมอย่างหนักมาโดยตลอด
ล่าสุด นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า กรมศิลปากร ขอชี้แจงว่า เป็นการดำเนินการติดตามเฝ้าระวังโบราณสถานสำคัญตามปกติ ที่กรมศิลปากรต้องเข้าไปสำรวจ แต่ในครั้งนี้ได้มอบหมายให้ นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ อดีตอธิบดีกรมศิลปากร เข้ามาเป็นที่ปรึกษากรมศิลปากร ในการดูแลเรื่องการบูรณะโบราณสถาน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศมรดกศิลปวัฒนธรรม เข้าไปสำรวจโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่ ด้วยการสแกน 3 มิติ
แต่ยืนยันว่า ยังไม่มีอะไรที่น่ากังวล ยังไม่ก่อให้เกิดอันตรายอย่างแน่นอน ปัจจุบันเทคโนโลยีพัฒนาไปมาก จึงอยากนำมาใช้ในการพัฒนางานของเรา ซึ่งวัดอรุณฯ ก็เป็นวัดที่เริ่มนำร่องทําในเรื่องนี้ แล้วก็พบว่ามันเป็นเรื่องที่น่าศึกษาและน่าสนใจ ซึ่งคนจะติดตามต่อไป แต่ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก