จากกรณี น.ส.สรารัตน์ รังสิวุฒาพรณ์ หรือ แอม อดีตภรรยา นายตำรวจระดับ รองผู้กำกับท้องที่จังหวัดราชบุรี ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนำไซยาไนด์ เป็นสารเคมีอันตรายผสมอาหารให้เหยื่อรายหลายรับประทานจนเสียชีวิต ทำให้เป็นคดีสะเทือนขวัญ เนื่องจาก แอม มีพฤติการณ์เป็นฆาตกรต่อเนื่อง
ซึ่งล่าสุดในวันนี้ (30 เม.ย.2566) ที่ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (กองปราบ) ทางด้านของ นาย รพี ชำนาญเรือ ผู้ประสานงานเหยื่อคดี "แอม ไซยาไนด์" พร้อมด้วยผู้เสียหายอีกหนึ่งราย จะเข้าพบ พงส.กองปราบปราม เพื่อให้ข้อมูลผู้เสียชีวิตถึงความเชื่อมโยงกับ "แอม"
โดย นายรพี ได้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนระบุว่า โดยยืนยันว่า ณ เวลานี้นั้น มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 13 ราย รอดชีวิต 1ราย และอยากให้สังคมนั้นฟังความจริงจากทาง พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ แต่เพียงผู้เดียว เพราะบางกรณีที่ถูกจับโยงนั้น ก็เป็นคดีอื่นแต่โยงมาเกี่ยวข้อง ทำให้ตำรวจที่กำลังดำเนินคดีนั้นอยู่สับสน
โดยนายรพี เปิดเผยว่าที่เดินทางมากองปราบวันนี้เป็นเพียงการมาเรียกถามว่าตนนั้น ทราบเรื่องดังกล่าวได้อย่างไร และตนนั้นก็พอมีหลักฐานสำคัญอย่าง กล้อง cctv ที่จะพอชี้รถคันที่น.ส.แอมนั้น ขับมารับน้องก้อยที่หมู่บ้าน ก่อนพาตัวไปที่ริมน้ำบ้านโป่ง
โดยตนยืนยัน ชื่อน.ส.แอม ผู้ถูกกล่าวหา อยู่ในหูผม ตั้งแต่วันแรกที่น้องก้อยเสียชีวิต โดยตนนั้นทราบมาจากทางญาติ ได้ให้ข้อมูลว่าน้องก้อยออกไปกับคนชื่อแอม จะพาไปหาทนายแถวสาย 3 โดยคนชื่อแอมอยู่ในหัวผมตั้งแต่แรก แต่น.ส.นั้นไปให้ข้อมูลกับส้มซึ่งเป็นพี่สาวของก้อย ว่าไม่รู้ไม่เห็นกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
นอกจากนี้ นายรพี อยากจะขอความช่วยเหลือจากกระทรวงสาธารณสุขว่าพอจะเป็นไปได้ไหม ในการย้อนข้อมูล เพราะเรื่องนี้นั้นเป็นเรื่องระดับโลกไปแล้ว เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นแรกๆ ตั้งแต่ปี 58 ก่อนไร่เรียงมาตั้งแต่ปี 64 65 66 จึงอยากโรงพยาบาลนิติเวชในพื้นที่ที่เกิดเหตุ 13 ศพ นั้นที่มีผลชันสูตรในกรณีที่เกี่ยวกับเรื่องการเสียชีวิตจากสาเหตุหัวใจล้มเหลว รวมทั้งใบมรณะบัตรที่ระบุสาเหตุการตาย ควรจะมีการตรวจสอบอย่างละเอียดว่าจะมีอะไรเชื่อมโยงกับคดีแอมหรือไม่
ส่วนกรณี ทนายของแอมออกมาขู่ว่าจะดำเนินการฟ้องสื่อและคนที่ออกมาให้ข้อมูลนั้น ตนไม่กลัว เพราะการที่ตนออกมานำเสนอข้อมูล ยืนยันว่าทำเพื่อประโยชน์สาธาณชน