สาวทุกข์หนัก พ่อถูกรถชนเสียชีวิต แต่กลับถูกตำรวจเรียกค่าดำเนินการ 2.5 แสน
สาวร่ำไห้หอบหลักฐานเข้าร้องทุกข์ หลังพ่อถูกรถชนเสียชีวิต แต่กลับต้องโดนตำรวจเรียกค่าดำเนินการ 250,000 บาท
สืบเนื่องจากที่ สาวชาว จ.บุรีรัมย์ ชื่อว่า น.ส.จันทร์ธิดา สูญเสียพ่อ ชื่อว่านายหวอย อายุ 72 ปี บิดาประสบอุบัติเหตุถูกรถจักรยานยนต์ชนท้ายขณะที่บิดาขับรถจักรยานยนต์กำลังจะกลับบ้าน จนเสียชีวิต ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม 2566 หลังเข้าแจ้งความที่ สภ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกเงินกว่า 250,000 บาท ก่อนตัดสินใจหอบหลักฐานเดินทางมายังศูนย์ประสานเพจสายไหมต้องรอด เข้าร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือกับนายอาชาน โอภาสธนากูร เจ้าหน้าที่เพจสายไหมต้องรอด
โดยทางด้าน น.ส.จันทร์ธิดา กล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้มีตำรวจ สภ.ลำปลายมาศ โทรมาพูดคุยแจ้งกับตนว่าทราบใช่ไหมว่าพ่อตายจะได้เงิน 500,000 บาท ตนจึงตอบว่าทราบ จากนั้นทางตำรวจได้ส่งโทรศัพท์ให้ชายอีกคนนึงคุยโดยอ้างว่าเป็นทนายความ ชายคนดังกล่าวได้บอกกับตนว่า
"ขอพูดตรงๆเลยนะ ผมขอ 250,000 บาท แล้วเดี๋ยวจะรีบทำเรื่องให้จบจะได้รับเงินภายใน 3 วัน 7 วัน"
ตนจึงปฏิเสธ บอกว่าขอไปปรึกษากับญาตพี่น้องก่อน เนื่องจากมันมากเกินไป พ่อตนตายทั้งคนทำไมยังต้องมาเสียเงินให้ตำรวจอีก จากนั้นชายคนดังกล่าวก็วางสายไป
ต่อมา ทางตำรวจได้พยายามสอบถามเรื่องเงินอีกหลายครั้ง เมื่อเห็นว่าตนไม่ตกลงตามเงื่อนไข จึงไม่ยอมทำเรื่องเพื่อให้ตนและครอบครัวนำเอกสารไปเบิกเงินเยียวยาการเสียชีวิตจาก พรบ.ได้ อีกทั้งตนได้พูดคุยกับคู่กรณีแล้วรู้ใจมาก คู่กรณีแจ้งว่าทางตำรวจพยายามจะให้คู่กรณีเข้าไปให้ปากคำใหม่ แต่คู่กรณีปฏิเสธ และโทรศัพท์มาให้ข้อมูลกับตนว่าทางตำรวจมีความพยายามจะให้กลับคำให้การแต่คู่กรณียืนยันว่าไม่กลับคำให้การเพราะยอมรับผิดไปตั้งแต่ต้นแล้วว่าเป็นฝ่ายประมาทและผิดจริง
นอกจากนี้ ตนเห็นว่าพ่อตนเสียชีวิตมากว่า 3 เดือนแล้ว คู่กรณีก็รับว่าเป็นฝ่ายผิด เหตุใดตำรวจจึงมาเรียกเงินตนอีก ตนไม่รู้จะไปพึงใคร จึงตัดสินใจเดินทางมากรุงเทพ เพื่อร้องขอความช่วยเหลือจากเพจสายไหมต้องรอด
ภายหลังรับแจ้ง นายอาชาน โอภาสธนากูร ทีมงานสายไหมต้องรอด ได้ประสานไปยัง พ.ต.อ.สมชัย โสภณปัญญาภรณ์ ผกก.สภ.ลำปลายมาศ เพื่อขอให้ช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายต่อไป