1. จำเป็นต่อร่างกาย แต่ใช้แค่นิดเดียว
ร่างกายต้องการโซเดียมเฉลี่ยเพียง 400 – 1475 มิลลิกรัมต่อวัน เพื่อช่วยควบคุมความสมดุลของเหลวในร่างกาย รักษาความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ และช่วยการทำงานของประสาทและกล้ามเนื้อ แต่คนส่วนใหญ่กินเกิน 2-3 เท่าต่อวัน ซึ่งเสี่ยงต่อสุขภาพ WHO แนะนำให้บริโภคโซเดียมไม่ควรเกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน
2. เกลือไม่ใช่แหล่งเดียวของโซเดียม
โซเดียม ในอาหารไม่ได้มาจากเกลืออย่างเดียว แต่ยังมีในผงชูรส (MSG), โซเดียมไนเตรทในเนื้อแปรรูป และแม้กระทั่งยาบางชนิด ดังนั้นควรตรวจสอบส่วนประกอบของอาหารอย่างระมัดระวัง
7 ความลับโซเดียมที่คุณอาจยังไม่รู้ อันตรายซ่อนอยู่ในทุกคำ
3. ซ่อนอยู่ในอาหารหวาน
ขนมปัง ซีเรียล หรือเค้กบางชนิดมีโซเดียมสูงจากผงฟู (โซเดียมไบคาร์บอเนต) แม้จะไม่รู้สึกเค็ม แต่ปริมาณโซเดียมอาจสูงเกินคาด ควรตรวจสอบฉลากโภชนาการก่อนบริโภค
4. น้ำจิ้มตัวร้ายโซเดียมสูง
ภายใต้ความอร่อยของ น้ำปลา ซีอิ๊วขาว หรือเกลือ มีการรวมตัวของ โซเดียม ที่สูงมาก การปรุงรสอาหารด้วยเครื่องปรุงเหล่านี้อย่างพอดีจะช่วยควบคุมปริมาณโซเดียมได้
5. หน้าบวมตอนเช้า ไม่ใช่อ้วนเพราะกินเยอะ
มื้อเย็นที่มีโซเดียมสูง เช่น ปิ้งย่าง สุกี้ ชาบู หมูกระทะ ทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำ ส่งผลให้ตื่นเช้ามามีอาการหน้าบวม ไม่ใช่การอ้วนขึ้น แต่เป็นผลจากการสะสมโซเดียม
6. อาหารแปรรูป โซเดียมทวีคูณจากอาหารสด
โซเดียม ถูกใช้เป็นสารถนอมอาหารมาตั้งแต่สมัยโบราณ ตั้งแต่เนื้อเค็ม ไส้กรอก จนถึงอาหารแปรรูปสมัยใหม่ ซึ่งมีปริมาณโซเดียมสูงเกินความจำเป็นต่อร่างกาย
7. ซุปสำเร็จรูปโซเดียมพุ่ง
ซุปก้อนหรือน้ำซุปก้อนสำเร็จรูป 1 ซองเล็ก อาจมีโซเดียมสูงถึง 1,000-2,500 มก. เนื่องจากมีทั้งเกลือและผงปรุงรส แม้รสชาติจะไม่จัดจ้าน แต่ปริมาณโซเดียมอาจเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ
7 ความลับโซเดียมที่คุณอาจยังไม่รู้ อันตรายซ่อนอยู่ในทุกคำ