จากสถานการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ฝ่ายกัมพูชาได้ติดต่อขอเจรจากับกองกำลังสุรนารี ซึ่งทางฝั่งไทยได้ดำเนินการตามขั้นตอน โดยรายงานต่อ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ก่อนอนุมัติให้จัดกำลังลงพื้นที่พูดคุย จนนำไปสู่ข้อตกลงให้ทหารทั้งสองฝ่ายถอนกำลังกลับไปยังจุดที่เคยประจำการเมื่อปี 2567 พร้อมให้ฝั่งกัมพูชาปิดคูเลตและปรับพื้นที่คืนสู่สภาพเดิม
กัน จอมพลัง ต้องสั่งสอน กัมพูชาเหลี่ยมจัด บอกตรงๆ ไม่ไว้ใจ
กัน จอมพลัง ต้องสั่งสอน กัมพูชาเหลี่ยมจัด บอกตรงๆ ไม่ไว้ใจ
แม้สถานการณ์ดูเหมือนจะคลี่คลาย แต่ "กัน จอมพลัง" นักเคลื่อนไหวชื่อดังกลับออกมาแสดงจุดยืนอย่างเผ็ดร้อนว่า ไม่อาจเชื่อใจฝ่ายกัมพูชาได้ง่ายๆ พร้อมจี้ให้มีมาตรการสั่งสอนที่ชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุลักษณะนี้ซ้ำอีก
เจ้าตัวโพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 8 มิถุนายนว่า
"กัมพูชายอมถอย กลบคูเลต กลับที่เดิม แต่คำถามคือ... เราจะสั่งสอนยังไงให้เขาไม่กล้ามาทำอีก? ไม่ใช่พอเงียบๆ กระแสตก ก็หาเรื่องเพื่อนบ้านมาจุดไฟชาตินิยมกันเล่นอีก"
กัน จอมพลัง ต้องสั่งสอน กัมพูชาเหลี่ยมจัด บอกตรงๆ ไม่ไว้ใจ
พร้อมเสริมว่า
"หลายวันที่ผ่านมาเห็นเล่เหลี่ยมแล้วบอกตรงๆโคตรเหลี่ยม บังเกอร์ 3 ฐานที่ผมรับภารกิจช่วยสร้างมาผมก็จะยังคงทำต่อ เพราะรู้สึกไม่ไว้ใจแล้วทุกคนรู้สึกไว้ใจไหมครับ"
และล่าสุดยังโพสต์ย้ำจุดยืนอีกครั้งว่า
"ขนาดกัมพูชาถอยทหารออกยังแถลงเหลี่ยมเป็นแค่ปรับที่นอน ผมบอกตรงว่าไม่เชื่อใจเลยและตราบใดที่เรายังไม่มีการสั่งสอนกัมพูชาให้ไม่กล้าทำอะไรแบบนี้อีก ก็มีโอกาสที่วันดีคืนดีจะมารุกขุดปลุกชาตินิยมให้ตัวเองยามกระแสตกต่ำได้อีก ผมจึงให้ทีมงานช่วยทำบังเกอร์ให้เจ้าหน้าที่ให้เสร็จทั้ง 3 ฐาน รถทรายยังทยอยเข้าไปช่วยที่บุรีรัมย์เหมือนเดิมตามที่รับภารกิจมาเผื่อวันใดมีผู้รุกรานโผล่มาคนของเราก็พร้อมและปลอดภัย"
กัน จอมพลัง ต้องสั่งสอน กัมพูชาเหลี่ยมจัด บอกตรงๆ ไม่ไว้ใจ