“คนทำงานไทยเครียดหนัก! งานล้น-เงินไม่พอ-อนาคตไม่แน่นอน กระทบสุขภาพจิตทั้งประเทศ”
ปัญหาความเครียดจากการทำงานกำลังกลายเป็นวิกฤตเงาในสังคมไทย เมื่อข้อมูลจากกรมสุขภาพจิตเผยว่า คนวัยทำงานไทยจำนวนมากเผชิญกับความเครียดเรื้อรังจากภาระงานที่มากเกินไป รายได้ที่ไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพ และความไม่มั่นคงในหน้าที่การงาน
ดร.วรางคณา มณีโชติ นักจิตวิทยาองค์กร ระบุว่า “ความเครียดจากงานไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะสามารถนำไปสู่โรคทางกาย เช่น ความดันโลหิตสูง นอนไม่หลับ รวมถึงภาวะซึมเศร้าและหมดไฟในการทำงาน หรือที่เรียกว่า Burnout”
"คนไทยเครียดจัด! งานล้น-เงินน้อย จุดชนวนสุขภาพจิตพัง"
ทำไมงานถึงกลายเป็นตัวจุดชนวนความเครียด?
ปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดความเครียดจากการทำงาน ได้แก่ช
ภาระงานล้นมือ โดยเฉพาะงานที่ไม่มีเวลาสิ้นสุด หรือถูกคาดหวังให้ “ออนไลน์ตลอดเวลา”
แรงกดดันจากหัวหน้างาน และความคาดหวังสูงโดยไม่มีการสนับสนุนที่เพียงพอ
สภาพแวดล้อมในที่ทำงาน ที่แข่งขันกันสูง ขาดความร่วมมือ และเกิดความขัดแย้งระหว่างเพื่อนร่วมงาน
ความไม่มั่นคงในอนาคต เช่น ความเสี่ยงในการถูกเลิกจ้าง หรือการไม่สามารถเติบโตในสายงานได้
ผลกระทบที่มากกว่าที่คิด
ความเครียดเรื้อรังจากการทำงาน ไม่เพียงแต่ทำให้คุณภาพชีวิตแย่ลงเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานในระยะยาว โดยผลสำรวจจากองค์กรด้านสุขภาพจิตระดับโลกเผยว่า พนักงานที่มีภาวะเครียดจากการทำงานต่อเนื่อง มีโอกาสลาป่วยมากกว่าคนทั่วไปถึง 2 เท่า และมีแนวโน้มลาออกสูงขึ้นถึง 35%
"คนไทยเครียดจัด! งานล้น-เงินน้อย จุดชนวนสุขภาพจิตพัง"
ดร.วรางคณา เสริมว่า “ในระยะยาว ความเครียดจากงานอาจทำให้คนหมดแรงใจ รู้สึกไร้คุณค่า ไม่อยากลุกไปทำงาน และสุดท้ายอาจพัฒนาไปสู่ภาวะซึมเศร้า ซึ่งต้องได้รับการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญ”
แนวทางป้องกันและฟื้นฟู
องค์กรบางแห่งเริ่มตระหนักถึงปัญหาและมีแนวทางช่วยเหลือพนักงาน เช่น การจัดกิจกรรมผ่อนคลาย การให้คำปรึกษาทางจิตวิทยา หรือการลดชั่วโมงการทำงาน
สำหรับพนักงาน ดร.วรางคณาแนะนำว่า ควรจัดลำดับความสำคัญของงาน พักผ่อนให้เพียงพอ ฝึกสติ หรือทำสมาธิ และพูดคุยกับผู้บังคับบัญชาอย่างตรงไปตรงมา หากรู้สึกว่างานเกินความสามารถ
ถึงเวลาเปลี่ยน “วัฒนธรรมการทำงาน” เพื่อสุขภาพใจของทุกคน
ความเครียดจากการทำงานไม่ใช่เรื่องของ “คนอ่อนแอ” แต่มันคือความจริงของระบบการทำงานที่ต้องปรับเปลี่ยน เมื่อสุขภาพจิตของพนักงานคือทรัพยากรสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร
ภาครัฐ ภาคเอกชน และคนทำงานทุกคนควรร่วมกันสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่เอื้อต่อคุณภาพชีวิต พร้อมส่งเสริมให้ “สุขภาพจิตที่ดี” กลายเป็นเรื่องพื้นฐานที่ทุกคนเข้าถึงได้
เพราะเมื่อคนทำงานสุขภาพจิตดี องค์กรก็จะเติบโตอย่างยั่งยืน