ต้องรู้ โควิด-19 ปี 2568 คู่มือป้องกันตัวเอง เข้าใจอาการ และวิธีรับมือ
แม้ว่าในปี 2568 จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 อาการรุนแรงและผู้เสียชีวิตจะลดลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับช่วงแรกของการระบาด แต่ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขและกรมควบคุมโรคของประเทศไทยยังคงรายงานการพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่เป็นประจำ โดยเฉพาะในกลุ่มวัยทำงาน เด็กเล็ก และผู้สูงอายุ และพบว่า เชื้อโอมิครอน JN.1 ยังคงเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดในประเทศไทย ซึ่งเป็นสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอน นอกจากนี้ยังมีการเฝ้าระวังสายพันธุ์ XEC ที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว แม้จะมีอาการไม่รุนแรงมากนักในผู้ป่วยทั่วไป แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังในกลุ่มเสี่ยง
ต้องรู้ โควิด-19 ปี 2568 คู่มือป้องกันตัวเอง เข้าใจอาการ และวิธีรับมือ
อาการของโควิด-19 สายพันธุ์ปัจจุบัน (ปี 2568)
อาการของโควิด-19 ในปัจจุบัน โดยเฉพาะสายพันธุ์โอมิครอนและสายพันธุ์ย่อยอื่น มักมีความคล้ายคลึงกับไข้หวัดทั่วไปหรือไข้หวัดใหญ่ ทำให้บางคนอาจสับสนหรือไม่แน่ใจว่าเป็นอาการของโควิด-19 หรือไม่ อาการที่พบบ่อย ได้แก่
ข้อสังเกตสำคัญ: ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมีอาการไม่รุนแรงหรือแสดงอาการเพียงเล็กน้อย และมักไม่มีอาการลงปอดจนน่ากังวลเหมือนสายพันธุ์ดั้งเดิม อย่างไรก็ตาม กลุ่มเปราะบางหรือกลุ่ม 608 (ผู้สูงอายุ, ผู้มีโรคประจำตัว, หญิงตั้งครรภ์) ยังคงต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะมีความเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรงได้มากกว่า
ต้องรู้ โควิด-19 ปี 2568 คู่มือป้องกันตัวเอง เข้าใจอาการ และวิธีรับมือ
การป้องกันโควิด-19 ในปี 2568
การสวมหน้ากากอนามัย
- ในพื้นที่ปิดหรือมีคนหนาแน่น เช่น รถขนส่งสาธารณะ โรงพยาบาล สถานที่ราชการ หรือสถานที่ที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก
- เมื่อมีอาการป่วยระบบทางเดินหายใจ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไปสู่ผู้อื่น
- ในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ หรือผู้มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เมื่อต้องอยู่ในที่สาธารณะ
การล้างมือบ่อยๆ
- ด้วยสบู่และน้ำ หรือเจลแอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้น 70% ขึ้นไป
- โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนรับประทานอาหาร หลังเข้าห้องน้ำ หลังไอ จาม หรือสัมผัสสิ่งของสาธารณะ
หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า โดยเฉพาะตา จมูก และปาก โดยไม่จำเป็น
รักษาระยะห่างทางสังคม ในที่สาธารณะและพื้นที่แออัด หากเป็นไปได้
ตรวจ ATK (Antigen Test Kit) หากมีอาการเข้าข่าย หรือหากมีประวัติสัมผัสผู้ติดเชื้อ เพื่อให้ทราบผลและปฏิบัติตนได้อย่างเหมาะสม
พักผ่อนให้เพียงพอ และดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย
กรณีที่ควรไปพบแพทย์หรือเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
ยาต้านไวรัส การพิจารณาให้ ยาต้านไวรัสโควิด (เช่น Favipiravir, Molnupiravir, Paxlovid) จะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ โดยพิจารณาจากอาการ ความรุนแรงของโรค และปัจจัยเสี่ยงของผู้ป่วย โดยมีเป้าหมายเพื่อให้การใช้ยาเป็นไปอย่างเหมาะสม ปลอดภัย และเกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อประชาชน การรับมือกับ "Long COVID" แม้ว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่จะหายจากโควิด-19 ได้โดยไม่มีอาการหลงเหลือ แต่บางรายอาจประสบภาวะ "Long COVID" หรือภาวะอาการหลังป่วยโควิด-19 ซึ่งอาจมีอาการต่อเนื่องยาวนานเป็นสัปดาห์หรือหลายเดือนหลังหายจากการติดเชื้อเฉียบพลัน อาการที่พบบ่อย ได้แก่
โควิด-19 ในปี 2568 ยังคงเป็นโรคที่เราต้องเฝ้าระวังและปรับตัวอยู่ร่วมกับมัน การทำความเข้าใจอาการของโรค การปฏิบัติตามมาตรการป้องกันพื้นฐานอย่างสม่ำเสมอ และการเข้ารับวัคซีนตามคำแนะนำ ยังคงเป็นกุญแจสำคัญในการลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ การเจ็บป่วยรุนแรง และการเสียชีวิต หากมีอาการที่น่าสงสัย ควรรีบตรวจหาเชื้อและปรึกษาแพทย์ เพื่อให้ได้รับการดูแลรักษาที่ถูกต้องและทันท่วงที การสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ผ่านการฉีดวัคซีนและการดูแลสุขภาพตนเองอย่างดีที่สุด คือการปกป้องตนเองและสังคมให้ปลอดภัยจากโรคนี้
ขอบคุณ : ข้อมูลจาก โรงพยาบาลพริ้นซ์ อุทัยธานี