มื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2568 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ระเบียบคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ว่าด้วยการจ่ายเงินสงเคราะห์ อัตราเงินที่จะจ่ายและระยะเวลาการจ่าย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ลงนามโดยนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง
สำหรับสาระสำคัญของประกาศฉบับนี้ระบุว่า โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ว่าด้วยการจ่ายเงินสงเคราะห์ อัตราเงินที่จะจ่ายและระยะเวลาการจ่าย พ.ศ. 2565 เพื่อขยายอัตราการจ่ายเงินสงเคราะห์จากกรณีนายจ้างไม่จ่ายเงินนอกจากค่าชดเชย สำหรับบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ลูกจ้าง
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 134 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 คณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง จึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ว่าด้วยการจ่ายเงินสงเคราะห์ อัตราเงินที่จะจ่ายและระยะเวลาการจ่าย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568”
ข้อ 2 ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป (มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 27 พ.ค. 2568 เป็นต้นไป)
ข้อ 3 ให้ยกเลิกความในข้อ 15 แห่งระเบียบคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ว่าด้วยการจ่ายเงินสงเคราะห์ อัตราเงินที่จะจ่ายและระยะเวลาการจ่าย พ.ศ. 2565 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“ข้อ 15 อัตราการจ่ายเงินสงเคราะห์จากกรณีนายจ้างไม่จ่ายเงินอื่นนอกจากค่าชดเชยตามข้อ 8 (2) หรือข้อ 8 (3) ให้จ่ายในอัตราไม่เกินเจ็ดสิบเท่า (70 เท่า) ของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำรายวันตามประกาศคณะกรรมการค่าจ้างเกี่ยวกับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ระเบียบดังกล่าวได้มีผลบังคับใช้แล้ว โดยมีการปรับเพิ่มอัตราการจ่ายจากเดิม 60 เท่า เป็น 70 เท่าของค่าจ้างขั้นต่ำรายวัน เพื่อช่วยเหลือลูกจ้างที่ไม่ได้รับเงินค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด หรือค่าล่วงเวลาในวันหยุด ตามคำสั่งของพนักงานตรวจแรงงาน
มาตรการนี้จัดทำโดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงและหลักประกันแก่ลูกจ้างให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน พร้อมยืนยันว่า ลูกจ้างจะไม่ถูกทอดทิ้งเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน
ทั้งนี้ ลูกจ้างที่ต้องการขอรับเงินสงเคราะห์ภายใต้ระเบียบใหม่นี้ ต้องยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงาน และมีคำสั่งเป็นที่สุดภายหลังวันที่ระเบียบมีผลบังคับใช้ โดยพนักงานตรวจแรงงานในแต่ละพื้นที่มีหน้าที่ชี้แจงสิทธิให้ลูกจ้างเข้าใจอย่างทั่วถึง เพื่อให้เข้าถึงการคุ้มครองตามกฎหมายได้อย่างแท้จริง