ลูกจ้างต้องรู้ “ทำงานวันหยุด” ได้ค่าแรง 3 เท่า จริงหรือไม่ เมื่อมีการแชร์โพสต์ในโลกออนไลน์อย่างกว้างขวางเกี่ยวกับ
วันนี้เรามีคำตอบให้ค่ะ
ลูกจ้างต้องรู้ ทำงานวันหยุด ได้ค่าแรง 3 เท่า จริงหรือไม่
กฎหมายมาตรา 23 ให้นายจ้างประกาศเวลาทำงานปกติให้ลูกจ้างทราบ โดยกำหนดเวลาเริ่มต้นและเวลาสิ้นสุดของการทำงานแต่ละวันของลูกจ้างได้ไม่เกินเวลาทำงานของแต่ละประเภทงานตามที่กำหนดในกฎกระทรวง แต่วันหนึ่งต้องไม่เกิน 8 ชั่วโมง และเมื่อรวมเวลาทำงานทั้งหมดแล้ว สัปดาห์หนึ่งต้องไม่เกิน 48 ชั่วโมง เว้นแต่งานที่อาจเป็น อันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัยของลูกจ้างตามที่กำหนดในกฎกระทรวง จะมีเวลาทำงานปกติวันหนึ่งต้องไม่เกินเจ็ดชั่วโมง แต่เมื่อรวมเวลาทำงานทั้งหมดแล้วสัปดาห์หนึ่งไม่เกิน 42 ชั่วโมง
ลูกจ้างต้องรู้ ทำงานวันหยุด ได้ค่าแรง 3 เท่า จริงหรือไม่
นายจ้างอาจให้ลูกจ้างทำงานในวันหยุดได้ สำหรับ กิจการโรงแรม งานขนส่ง ร้านอาหาร ร้านขายเครื่องดื่ม สโมสร สมาคม สถานพยาบาล หรือกิจการอื่น ๆ ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง เพื่อประโยชน์แก่การผลิต การจำหน่าย และการบริการ นายจ้างอาจให้ลูกจ้างทำงานนอกจากที่กำหนดในวันหยุดเท่าที่จำเป็น โดยได้รับความยินยอมจากลูกจ้างก่อนเป็นคราว ๆ ไป
การจ่ายค่าล่วงเวลาและค่าทำงานวันหยุด
เมื่อนายจ้างให้ลูกจ้างทำงานล่วงเวลา ค่าล่วงเวลาที่ลูกจ้างควรที่จะได้รับต้องได้รับเงินเท่าไร และลูกจ้างแต่ละรูปแบบจะได้รับสิทธิแบบใด รายละเอียดมีดังนี้
ค่าจ้าง
ค่าล่วงเวลาหรือนอกเวลาทำงานปกติในวันทำงาน
ค่าล่วงเวลาในวันหยุด
ค่าทำงานในวันหยุดประจำสัปดาห์
สามารถแบ่งลูกจ้างออกเป็น 2 ประเภท ได้ดังนี้
ค่าทำงานในวันหยุดตามประเพณี
หรือวันหยุดพักผ่อนประจำปี กฎหมายกำหนดให้มีลูกจ้างทุกประเภททั้งรายวัน ตามผลงาน หรือรายเดือนมีสิทธิได้รับค่าจ้างในวันหยุด หมายความว่าแม้ไม่มาทำงานก็ได้รับค่าจ้าง
ทำงานล่วงเวลาและทำงานในวันหยุด ต้องไม่เกินกี่ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ?
การทำงานล่วงเวลา อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของลูกจ้างจากการทำงานหลายชั่วโมงมากเกินไป แล้วลูกจ้างต้องทำงานล่วงเวลาไม่เกินกี่ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ? วันนี้เรามีข้อมูลดี ๆ มาฝากค่ะ
กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานย้ำนายจ้าง หากให้ลูกจ้างทำงานล่วงเวลาและทำงานในวันหยุดเกิน 36 ชั่วโมง/สัปดาห์ ถือว่าผิดกฎหมายแรงงาน หากนายจ้างไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย จะมีความผิดโดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ข้อมูลเพิ่มเติม : กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน