"ปวดฟัน" ที่คิดว่าธรรมดา อาจเป็นสัญญาณ "โรคร้าย" ที่คาดไม่ถึง!
อาการปวดฟันที่หลายคนมักคิดว่าเกิดจากฟันผุหรือเหงือกอักเสบธรรมดา อาจเป็นสัญญาณเตือนจากร่างกายถึง "โรคที่คาดไม่ถึง"
"ปวดฟัน" ที่คิดว่าธรรมดา อาจเป็นสัญญาณ "โรคร้าย" ที่คาดไม่ถึง! แพทย์เตือนอย่ามองข้าม
อาการปวดฟัน ที่หลายคนมักคิดว่าเกิดจากฟันผุหรือเหงือกอักเสบธรรมดา อาจเป็นสัญญาณเตือนจากร่างกายถึง "โรคที่คาดไม่ถึง" ที่ร้ายแรงกว่านั้นมาก
ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเน้นย้ำถึงความสำคัญของการไม่ละเลยอาการผิดปกติเล็กน้อย เพราะอาจเป็นอาการปวดร้าว ที่มีต้นตอมาจากอวัยวะอื่น
โดยอาการปวดฟันหรือปวดบริเวณกราม อาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายแรง อาทิ โรคหัวใจขาดเลือด, ไซนัสอักเสบเรื้อรัง, ความผิดปกติของข้อต่อขากรรไกร
หรือแม้กระทั่งเส้นประสาทอักเสบอย่าง อาการปวดเส้นประสาทไตรเจมินัล ซึ่งเป็นภาวะที่ก่อให้เกิดอาการปวดอย่างรุนแรง หรือในบางกรณีที่พบได้น้อย อาจเป็นสัญญาณของเนื้องอกหรือมะเร็งในบริเวณศีรษะและลำคอ
"ปวดฟัน" ที่คิดว่าธรรมดา อาจเป็นสัญญาณ "โรคร้าย" ที่คาดไม่ถึง!
โรคที่คาดไม่ถึง ที่อาจมาพร้อมอาการปวดฟัน
อาการปวดฟัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาการปวดกราม ปวดฟันซี่ใน หรือปวดบริเวณใบหน้า อาจเป็นสัญญาณของโรคเหล่านี้ได้:
โรคหัวใจขาดเลือด : อาการเจ็บหน้าอกหรือปวดร้าวที่แขนซ้ายเป็นที่รู้จักกันดี แต่ในบางราย โดยเฉพาะผู้หญิง อาจมีอาการปวดร้าวมาที่ขากรรไกร ฟัน หรือคอได้
ไซนัสอักเสบ : การติดเชื้อหรือการอักเสบในโพรงไซนัส โดยเฉพาะไซนัสโหนกแก้ม ที่อยู่ใกล้กับฟันบน อาจทำให้เกิดอาการปวดบริเวณฟันบน คล้ายปวดฟันผุ หรือปวดกราม
"ปวดฟัน" ที่คิดว่าธรรมดา อาจเป็นสัญญาณ "โรคร้าย" ที่คาดไม่ถึง!
ความผิดปกติของข้อต่อขากรรไกร : ความผิดปกติของข้อต่อที่เชื่อมระหว่างกระดูกขากรรไกรกับฐานกะโหลก อาจทำให้เกิดอาการปวดบริเวณกราม ปวดร้าวไปที่ฟัน ปวดศีรษะ หรือมีเสียงคลิกเมื่ออ้าปาก
เส้นประสาทอักเสบ : เป็นภาวะที่เส้นประสาทสมองคู่ที่ 5 ซึ่งควบคุมความรู้สึกบนใบหน้าเกิดการระคายเคือง ทำให้มีอาการปวดแปลบเหมือนไฟฟ้าช็อตอย่างรุนแรงบริเวณใบหน้า กราม หรือฟัน
เนื้องอกหรือมะเร็ง: แม้จะพบได้น้อย แต่ในบางกรณี อาการปวดฟันหรือปวดกรามเรื้อรังที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาทางทันตกรรม อาจเป็นสัญญาณของเนื้องอกหรือมะเร็งในบริเวณศีรษะและลำคอได้
"ปวดฟัน" ที่คิดว่าธรรมดา อาจเป็นสัญญาณ "โรคร้าย" ที่คาดไม่ถึง!
ดังนั้น หากมีอาการปวดฟันที่ไม่หายไปเอง ปวดร้าว หรือมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อวินิจฉัยสาเหตุเบื้องต้น และหากไม่พบความผิดปกติในช่องปาก
ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริงอย่างละเอียด เพื่อการรักษาที่ทันท่วงทีและถูกต้อง
