คดีอื้อฉาวที่สั่นสะเทือนวงการสงฆ์ เริ่มต้นจาก “บัตรสนเท่ห์” หรือจดหมายร้องเรียนจากประชาชน ส่งถึงหน่วยงานรัฐ เรียกร้องให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของ พระธรรมวชิรานุวัตร ขณะดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง และเจ้าคณะภาค 14
ในจดหมายร้องเรียนระบุว่า พระรูปดังกล่าวมีการ “ยืมเงิน” จากพระวัดต่าง ๆ นักธุรกิจ และนักการเมือง โดยอ้างว่านำไปใช้ในกิจการวัดไร่ขิง ยอดรวมเกือบ 300 ล้านบาท และยังมีเงินรายได้จากงานประจำปีของวัดระหว่างปี 2564–2566 รวมกับเงินจากมูลนิธิต่าง ๆ อีกกว่า 100 ล้านบาท
เมื่อสืบสวนลึกลงไป พบว่ามีการนำเงินทั้งหมดไป เข้าบัญชีส่วนตัวของอดีตเจ้าอาวาส ในธนาคารกสิกรไทย รวม 4 บัญชี โดยไม่มีหลักฐานว่านำไปใช้ในกิจของสงฆ์ อีกทั้งยังมีการโอนเงินให้กับบุคคลหรือกลุ่มที่น่าสงสัย เข้าข่ายละเมิดระเบียบการจ่ายเงินผลประโยชน์ของวัด พ.ศ. 2553
เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนของ กก.5 บก.ป. เริ่มสืบจากเส้นทางเงิน โดยพบว่า
จับกุมทิดแย้ม – พัวพันเว็บพนัน
หลังสืบสวนอย่างละเอียด เจ้าหน้าที่ ออกหมายจับ อดีตพระธรรมวชิรานุวัตร ฐานยักยอกเงินวัดกว่า 847 ล้านบาท ไปใช้ส่วนตัวและเล่นพนันบาคาร่าออนไลน์
เจ้าหน้าที่ กก.5 บก.ป. เข้าจับกุมอดีตเจ้าอาวาส และขยายผลสู่บุคคลที่เกี่ยวข้อง โดยเตรียมยื่นศาลขอหมายจับ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่แสวงหาผลประโยชน์จากวัด และกลุ่มที่ดูแลการเงินของวัดไร่ขิง
พ.ต.อ.ภัทราวุธ อ่อนช่วย ผกก.5 บก.ป. เปิดเผยว่า ความสัมพันธ์ระหว่าง “นายแย้ม” กับ น.ส.เก็น เริ่มต้นในปี 2563 และพัฒนาเป็นความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง มีการ วิดีโอคอลลักษณะลามกอนาจาร บ่อยครั้ง ต่อมา น.ส.เก็นใช้คลิปลับแบล็กเมล์ เรียกเงินจำนวนมาก โดยอ้างว่าต้องใช้หนี้เพื่อไถ่โทรศัพท์มือถือจากเจ้าหนี้ในตลาดแห่งหนึ่ง
เมื่อพบว่าเป็นการโกหกเรียกเงิน นายแย้มจึง ปรึกษาลูกศิษย์และสั่งให้เก็นนำโทรศัพท์มาทุบทำลายต่อหน้า พร้อมตัดความสัมพันธ์กันในที่สุด
มีการพูดถึงคลิปเสียงอื้อฉาวที่มีคำพูดว่า “อาตมาใกล้แล้ว...” ซึ่งกลายเป็นกระแสในโซเชียล อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.ภัทราวุธ ยืนยันว่า กองปราบไม่มีคลิปเสียงดังกล่าว ในพยานหลักฐานที่ตรวจสอบได้ มีเพียงข้อมูลว่าอาจอยู่ในโทรศัพท์ที่ ตำรวจไซเบอร์เคยยึดไว้ ในคดีเก่าของ น.ส.เก็น
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจย้ำว่า จากพยานหลักฐานขณะนี้ ยังไม่พบว่าทิดแย้มกับเก็นมีเพศสัมพันธ์กัน มีเพียงแค่การวิดีโอคอลเท่านั้น