แฉต้นตอ "หนุ่มสิงคโปร์" สาเหตุ โมโหร้าย พฤติกรรมรุนแรง

เมื่อเวลา 11.50 น. วันที่ 27 มีนาคม 2568 ที่สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วย พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนตำรวจนครบาล และ พ.ต.อ.รัฐธนนท์ เอกฐิติกุลพัทธ์ ผู้กำกับการ สน.ทองหล่อ เดินทางมาติดตามความคืบหน้าคดีฆาตกรรม น.ส.พราวพิลาศ พละดร อายุ 30 ปี ชาวจังหวัดขอนแก่น ซึ่งถูกพบเสียชีวิตภายในคอนโดมิเนียมหรูย่านสุขุมวิท โดยผู้ต้องสงสัยหลักในคดีคือ นายเดเนียล เบนจามีน โกเวีย เอน อายุ 32 ปี ชาวสิงคโปร์ ซึ่งเป็นแฟนหนุ่มของผู้เสียชีวิต

 

แฉต้นตอ หนุ่มสิงคโปร์ สาเหตุ โมโหร้าย พฤติกรรมรุนแรง

 

แฉต้นตอ หนุ่มสิงคโปร์ สาเหตุ โมโหร้าย พฤติกรรมรุนแรง

 

เมื่อวันที่ 24 มีนาคม เวลาประมาณ 18.00 น. เพื่อนของผู้เสียชีวิตแจ้งความที่ สน.ทองหล่อ เนื่องจากไม่สามารถติดต่อผู้เสียชีวิตได้ตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 23 มีนาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอความร่วมมือจากนิติบุคคลของคอนโดเพื่อเข้าตรวจสอบห้องพักบนชั้น 22 พบว่าห้องเปิดแอร์อยู่ และประตูไม่ได้ล็อก เมื่อเข้าไปภายในห้องจึงพบศพของ น.ส.พราวพิลาศ นอนอยู่ในห้องน้ำ โดยมีผ้าสีฟ้าและสีขาวคลุมร่างไว้ พร้อมกับร่องรอยเลือดจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงประสานตำรวจนิติเวชและพนักงานสอบสวนเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ

จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าเมื่อวันที่ 23 มีนาคม ซึ่งเป็นวันเกิดของผู้เสียชีวิต เธอออกไปฉลองกับแฟนหนุ่ม และกลับเข้าคอนโดเมื่อเวลา 21.17 น. โดยฝ่ายชายได้ส่งเธอที่ห้องพัก ก่อนจะออกจากคอนโดไปอีกครั้ง และกลับมาในช่วงกลางดึกของวันที่ 24 มีนาคม เวลาประมาณ 00.12 น. จากนั้นเวลา 01.31 น. พบว่าแฟนหนุ่มลงมารับถุงสองถุงจากเจ้าหน้าที่คอนโด ก่อนจะกลับขึ้นไปยังห้องพักอีกครั้ง

ต่อมา เวลา 10.29 น. ของวันที่ 24 มีนาคม มีสายโทรศัพท์จากมือถือของผู้เสียชีวิตโทรหาแม่ แต่ไม่มีการรับสาย เมื่อแม่ของเธอโทรกลับในเวลา 10.35 น. ก็ไม่มีคนรับเช่นกัน ซึ่งในเวลานั้นแฟนหนุ่มยังคงอยู่ในห้องพัก

ระหว่างเวลา 12.17 - 12.46 น. แฟนหนุ่มออกจากห้องสองครั้ง ครั้งที่สองเขานำถุงกระดาษติดตัวลงมาด้วย และกลับขึ้นไปอีกครั้ง จนกระทั่งเวลา 17.43 น. เขาออกจากคอนโดโดยสวมหมวกแก๊ป และกลับมาที่ห้องพักอีกครั้งในช่วงเช้ามืดของวันที่ 25 มีนาคม เวลา 03.33 น.

 

แฉต้นตอ หนุ่มสิงคโปร์ สาเหตุ โมโหร้าย พฤติกรรมรุนแรง

 

เวลา 10.30 น. ของวันที่ 25 มีนาคม แฟนหนุ่มลงมาพร้อมกับกระเป๋าใบเล็ก และกลับขึ้นไปพร้อมถุงอาหารสองถุง ต่อมาเวลา 15.16 น. เขานำข้าวของออกจากคอนโด และเรียกรถเบนซ์สีดำผ่านแอปพลิเคชันในเวลา 15.19 น. จากนั้นจ้างให้ไปส่งที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในซอยสุขุมวิท 41 และต่อมาขึ้นรถไปยังโรงแรมในย่านเพชรบุรี จากคำให้การของพยาน พบว่าเขาได้พบกับชายอีกสองคนก่อนจะขึ้นรถกระบะมุ่งหน้าไปยังอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย

เจ้าหน้าที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม เวลา 21.17 น. ซึ่งเป็นเวลาที่ทั้งคู่กลับเข้าห้องพัก ไม่มีภาพของ น.ส.พราวพิลาศออกจากห้องอีกเลย นอกจากนี้ ไม่พบว่ามีบุคคลอื่นเข้าไปในห้อง ยกเว้นแฟนหนุ่มของเธอเพียงคนเดียว

ตำรวจตั้งข้อสงสัยว่าโทรศัพท์ที่โทรหาแม่ของผู้เสียชีวิตในเช้าวันที่ 24 มีนาคม อาจไม่ได้มาจากตัวผู้เสียชีวิตเอง และจากการชันสูตรเบื้องต้น พบว่ามีรอยฟกช้ำที่ปากและแขนของเธอ อย่างไรก็ตาม ต้องรอผลชันสูตรจากนิติเวชเพื่อยืนยันสาเหตุการเสียชีวิต

น.ส.พราวพิลาศเคยทำงานที่สิงคโปร์เมื่อสามปีก่อน และรู้จักกับแฟนหนุ่มในช่วงเวลาดังกล่าว ต่อมาเธอได้ย้ายมาอยู่ที่ประเทศไทย และพักอาศัยในคอนโดหรูแห่งนี้เป็นเวลา 2 เดือน โดยมีค่าเช่าห้องเดือนละ 170,000 บาท

สำหรับประวัติการเดินทางเข้าออกประเทศไทยของนายเดเนียล พบว่าเขาเดินทางเข้าประเทศไทยทั้งหมด 31 ครั้ง โดยแต่ละครั้งจะพำนักอยู่ประมาณ 10-15 วัน ครั้งล่าสุดเขาเข้ามาเมื่อปี 2562 และอาศัยอยู่ในไทยต่อเนื่องเป็นเวลาหนึ่งปี อย่างไรก็ตาม พบว่า วีซ่าของเขาหมดอายุตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม 2567

จากการสืบสวนพบว่าทั้งคู่มีปัญหาทะเลาะกันบ่อยครั้ง โดยแฟนหนุ่มมีนิสัยขี้หึง และก่อนหน้านี้ผู้เสียชีวิตเคยแจ้งความกรณีถูกทำร้ายร่างกายมาก่อน

 

ขณะนี้ตำรวจฝ่ายสืบสวนกำลังเร่งติดตามตัวนายเดเนียล โดยได้ประสานกับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเชียงราย และตำรวจฝั่งท่าขี้เหล็กเพื่อป้องกันไม่ให้เขาหลบหนีออกนอกประเทศ ตำรวจย้ำว่า บุคคลใดที่ให้การช่วยเหลือผู้ต้องสงสัย อาจเข้าข่ายมีความผิดตามกฎหมาย

พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ระบุว่า จากการตรวจสอบพบว่าแฟนหนุ่มเป็นผู้ต้องสงสัยหลัก เนื่องจากไม่มีบุคคลอื่นเข้าออกห้องพัก และลิฟต์ที่ใช้เป็นลิฟต์ส่วนตัว ไม่สามารถมีบุคคลอื่นเข้าใช้งานได้โดยง่าย นอกจากนี้ ยังพบว่าแฟนหนุ่มนำกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ติดตัวออกจากคอนโด ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับคดี

มีรายงานเพิ่มเติมว่า ผู้ต้องสงสัยป่วยเป็นโรคไบโพลาร์ และมีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง

ซึ่งอาจเป็นปัจจัยที่นำไปสู่เหตุการณ์นี้ อย่างไรก็ตาม ตำรวจยังคงเดินหน้าสืบสวนอย่างต่อเนื่องเพื่อคลี่คลายคดี และนำตัวผู้ต้องสงสัยเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยเร็วที่สุด