เปิด ทรัพย์สิน ผกก.โจ้ เทียบชั้นมหาเศรษฐี ก่อนถูก ป.ป.ช. ตรวจสอบ จากตำรวจผู้มีชื่อเสียง สู่จำเลยในคดีอุกฉกรรจ์ "ผกก.โจ้" อดีตผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ ผู้ซึ่งถูกถอดยศไปแล้ว ได้จบชีวิตตัวเองด้วยการผูกคอในเรือนจำกลางคลองเปรม เมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2568 ทิ้งไว้ซึ่งเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งและความเศร้าสลด
คลิปหลุดที่กลายเป็นหลักฐานมัดตัว "ผู้กำกับโจ้" ในคดีถุงดำคลุมศีรษะผู้ต้องหา ทำให้ชื่อของเขาถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์อาชญากรรมไทย จากตำรวจผู้มีอำนาจ สู่ผู้ต้องขังชายในเรือนจำคลองเปรม หลังถูกศาลตัดสินประหารชีวิต และลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต คดีนี้ยังคงเป็นที่จดจำของสังคมถึงความรุนแรงและการกระทำที่มิชอบ
คดีของ "ผกก.โจ้" ไม่ได้จบลงแค่การตัดสินโทษในคดีทำร้ายร่างกาย แต่ยังมีการตรวจสอบทรัพย์สินที่มาของเขาโดย ป.ป.ช. ซึ่งพบว่ามีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติกว่า 1,358 ล้านบาท ในปี 2565 ส่งผลให้มีการดำเนินการทางกฎหมายเพื่อยึดทรัพย์สินดังกล่าวตามกระบวนการของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ
โดย นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช.ในขณะนั้น แถลงสรุปว่า จากการไต่สวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการ ป.ป.ช. พบว่า บัญชีทรัพย์สินของ ผกก.โจ้ ทั้งบัญชีเงินฝากธนาคาร ที่ดินพร้อมบ้านพักอาศัย รถยนต์ และเงินที่ใช้ผ่อนชำระค่าเช่าซื้อรถยนต์หลายคัน ไม่สัมพันธ์กับรายได้ และเกินกว่าฐานะและรายได้ที่ได้รับจากราชการ มีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือหนี้สินลดลงมากผิดปกติ หรือได้ทรัพย์สินมาโดยไม่มีมูลอันจะอ้างได้ตามกฎหมาย สืบเนื่องมาจากการปฏิบัติตามหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ รวม 32 รายการ เป็นเงินทั้งสิ้น 1,358,121,750.80 บาท ประกอบด้วย
อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวไทยนิวส์ออนไลน์ ต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้สูญเสียด้วยนะคะ