เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2568 ที่ศาลาจีรวัสส์ รัชนิบูล วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร พล.ต.ท. สมหมาย กองวิสัยสุข อดีตผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ผบช.ปส.) ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมฟังสวดอภิธรรมของ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล (ผกก.โจ้) โดยกล่าวว่า ตนเดินทางมาในฐานะ เคยเป็นผู้บังคับบัญชา ผู้กำกับโจ้ ไม่เป็นคนเกเร อ่อนน้อม ดูแลผู้บังคับบัญชาดีทุกคน รู้สึกเสียใจต่อการจากไป แต่ก็ดีใจที่ไปจะได้ไม่ต้องลำบาก ต้องดูว่าพ่อ-แม่ ผู้กำกับโจ้ คิดยังไง แต่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของความยุติธรรม ตนได้บอกครอบครัวผู้กำกับโจ้ให้พูดอะไรเท่าที่ควรพูด
เมื่อถามว่าจากนิสัย ผู้กำกับโจ้ เป็นไปได้ไหมว่า รู้สึกกดดัน โดย พล.ต.ท.สมหมาย ตอบว่า ต้องถามคนที่เคยติดคุก แต่ในคุกมันไม่สบาย แต่รู้สึกเครียดอยู่แล้ว เหมือนเวลาอยู่เฉย ๆ ยังรู้สึกเครียด ประกอบกับผู้กำกับโจ้ จับคนมาเยอะ และเคยมีคดีติดตัว ต้องเครียดอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า เคยทราบเรื่อง "ผู้กำกับโจ้" ป่วยจิตเวช บ้างหรือไม่? พล.ต.ท.สมหมาย ตอบว่า ถ้าบ้า บ้าไปนานแล้ว เพราะติดคุกมาแล้ว 3 ปี
"โจ้ เป็นตำรวจนะคุณ มันถูกฝึกมาให้สู้คน ส่วนเรื่องอื่น ๆ ตนไม่สามารถตอบได้เพราะไม่รู้ข้อเท็จจริง แค่รู้ว่าน้องเสียก็มาในฐานะเคยเป็นผู้บังคับบัญชา ในยุคตนเขาทำงานดี ตนให้เขาไปลุยภาคใต้ ช่วงนั้นพ่อแม่เขาทำงานที่ภาคใต้ เขาเลยมีพวกเยอะ งานเลยออกเยอะ ส่วนเรื่องอื่นตนไม่รู้"
พล.ต.ท.สมหมาย กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องคดีนั้นเป็นหน้าที่ของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรียุติธรรมฯ เป็นรุ่นพี่รุ่นน้อง เรียนโรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 37 ถ้าไม่เอาความจริงให้ปรากฎก็ไม่รู้จะพึ่งแล้ว ไม่เกี่ยวกับเรื่องอื่น เพราะเป็นเรื่องความตายที่เกิดขึ้น ตนได้พูดคุยกับภรรยาผู้กำกับโจ้ ปลอบใจ ตอนที่โจ้ยังมีชีวิตอยู่ภรรยาได้ไปเยี่ยมเขาทุกวัน
เมื่อถามว่า ในฐานะอดีตผู้บัญชาการมีการตั้งข้อสงสัยใดบ้างหรือไม่ พล.ต.ท.สมหมาย ตอบว่า ขอไม่พูด พูดเก่งไม่มีประโยชน์ พูดไปก็ช่วยน้องไม่ได้ต้องลงไปทำ ไม่มีหน้าที่ก็ดูไปอย่างเดียว เพราะว่า มีคนเก่งที่เขาดูอยู่เยอะ เรื่องแบบนี้กระทรวงยุติธรรมปล่อยไม่ได้ มันคาใจ และตำรวจที่อยู่ในคุกอีกหลายคนจะคิดยังไง ฝากสื่อมวลชนให้ความเป็นธรรมกับคนตายด้วย