กลายเป็นประเด็นที่หลายคนในจีนกำลังให้ความสนใจอย่างมาก หลังจากที่มีรายงานเรื่องราวของเด็กหญิงวัย 12 ปี ในมณฑลซานตง ประเทศจีน ติดเชื้อ HPV หลังจากพบแฟนหนุ่มในโลกออนไลน์ ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง และเกิดคำถามมากมายเกี่ยวกับปัญหาการล่วงละเมิด
ตามรายงานระบุว่า เด็กหญิงรายนี้ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคช่องคลอดอักเสบ ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2024 แต่แพทย์ไม่ได้รายงานเหตุการณ์ดังกล่าว กระทั่งในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2024 เธอได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลอีกครั้ง ด้วยภาวะอักเสบในอุ้งเชิงกราน และพบว่าติดเชื้อ HPV (Human Papilloma Virus)
หลังเหตุการณ์ดังกล่าวถูกเปิดเผย ในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ค้นพบตัวตนแฟนหนุ่มของเด็กหญิงว่า เป็นชายอายุ 17 ปี ซึ่งเขาถูกคุมตัวเพื่อดำเนินการสอบสวน และตามคำให้การของทั้งคู่ พวกเขาพบกันทางออนไลน์ในเดือนพฤษภาคม 2024 จากนั้นได้พัฒนาความสัมพันธ์ และมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน
จากข้อมูลของ ผู้เชี่ยวชาญ อธิบายว่า อวัยวะในร่างกายของเด็กหญิงอายุ 12 ปี ยังไม่เจริญเติบโตเต็มที่ ดังนั้น ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ติดเชื้อ HPV การมีเพศสัมพันธ์กับเพศตรงข้ามก่อนเวลาอันควร ก็อาจทำให้ร่างกายเสียหายอย่างถาวรได้
ขณะนี้เด็กหญิงยังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล โดยครอบครัวต้องการให้รายละเอียดเป็นความลับ เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวและหลีกเลี่ยงผลกระทบทางจิตวิทยาต่อลูกสาว
ทว่าประเด็นที่ว่าเด็กสาวถูกบังคับหรือไม่ ยังคงต้องใช้เวลาในการสืบสวนและชี้แจง แต่ปัญหาเร่งด่วนสำหรับผู้ปกครองคือ การให้ความรู้เรื่องเพศแก่บุตรหลาน แม่พ่อแม่หลายคนคิดว่ายังเร็วเกินไปที่จะสอนเกี่ยวกับประเด็นละเอียดอ่อนแต่ที่จริงแล้วควรทำตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้เด็กเกิดความเข้าใจอย่างถูกต้อง และดูแลปกป้องตัวเองอย่างที่ควรจะเป็น
ด้านผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษา และ ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และจิตวิทยา แนะนำให้ผู้ปกครองเริ่มสอนบุตรหลานเกี่ยวกับความแตกต่างทางเพศตั้งแต่อายุ 2-3 ขวบ เนื่องจากตามกฎพัฒนาการทางจิตวิทยา เด็กจะค่อยๆ มีความตระหนักรู้ในเรื่องเพศตั้งแต่อายุวัยนี้
และจะใช้คำนำหน้าว่า "เด็กชาย" หรือ "เด็กหญิง" ได้อย่างถูกต้องเมื่ออายุ 3 ขวบ ในเวลานี้ผู้ปกครองควรสอนบุตรหลานของตน เกี่ยวกับเรื่องพื้นฐานของความแตกต่างทางเพศ
ข้อมูลจาก soha