ประกันสังคม VS สิทธิบัตรทอง เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ?
1. การเข้ารับบริการ
• ประกันสังคม ผู้ใช้สิทธิต้องเข้ารับบริการที่โรงพยาบาลคู่สัญญาที่เลือกไว้ จำนวน 272 แห่ง และคู่สัญญาอีก 2,347 แห่ง และสามารถเปลี่ยนโรงพยาบาลได้ปีละ 1 ครั้ง
(กรณีมีความจำเป็น สามารถเปลี่ยนระหว่างปีได้ เช่นกรณีเปลี่ยนที่อยู่ หรือที่ทำงาน)
• บัตรทอง สามารถเข้ารับการรักษาที่สถานพยาบาลในระบบบัตรทองได้ทุกแห่ง แต่ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขปฐมภูมิ เช่น ต้องเริ่มต้นที่สถานพยาบาลใกล้บ้านก่อน
2. การส่งต่อผู้ป่วย
• ประกันสังคม ทั้งระบบประกันสังคมโรงพยาบาลสามารถส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลที่มีศักยภาพสูงกว่า
• บัตรทอง สามารถใช้ใบส่งตัวเพื่อรับการรักษาในโรงพยาบาลที่สูงขึ้นตามระบบที่กำหนด
3. การรับยาที่ร้านยาใกล้บ้าน
• ประกันสังคมสามารถรับยาที่คลินิกเครือข่าย 2,000 กว่าแห่งและใช้สิทธิพื้นฐาน ผู้ประกันตนสามารถรับยาได้ที่ร้านขายยาใกล้บ้านได้
• บัตรทอง สามารถรับยาที่ร้านยาใกล้บ้านได้
4. ทันตกรรม
• ประกันสังคม สามารถใช้สิทธิในการถอนฟัน อุดฟัน และขูดหินปูนได้ แต่มีวงเงินจำกัดที่ 900 บาทต่อปี (เอกชน 5,335 แห่ง รัฐ 10,654 แห่ง และมีบริการรถทันตกรรมเคลื่อนที่ 25 แห่ง
• บัตรทอง ครอบคลุมบริการพื้นฐานเช่นเดียวกับประกันสังคม แต่ไม่มีการกำหนดวงเงินสูงสุด ปีละ 3 ครั้ง
5. การคลอดบุตร
• ประกันสังคม มีวงเงินช่วยเหลือค่าคลอดบุตร 15,000 บาทต่อครั้ง กำลังจะปรับเพิ่มเป็น 20,000 บาทต่อครั้งและสามารถเบิกเงินสงเคราะห์บุตรเพื่อการหยุดงานได้
• บัตรทอง ไม่จำกัดค่าใช้จ่ายในการคลอดบุตร
6. การรักษามะเร็ง
• ประกันสังคม สามารถรักษามะเร็งที่รพ.ประกันสังคมซึ่งเป็นรพ.ขนาดใหญ่ระดับ 100 เตียงขึ้นไปและรพ.ระดับสูงได้แก่ รพ.ที่เป็นโรงเรียนแพทย์ อีกทั้งเพิ่มแนวทาง SSO cancer care สามารถรักษาในรพ.ที่มีศักยภาพสูงด้านมะเร็ง ได้
• บัตรทอง ใช้แนวทาง “Cancer Anywhere” ซึ่งหมายความว่าผู้ป่วยสามารถเข้ารับการรักษามะเร็งได้ทุกที่ที่มีระบบบัตรทองรองรับ รวมถึงโรงเรียนแพทย์
7. การดูแลระยะสุดท้าย
• ประกันสังคม ให้บริการในโรงพยาบาลคู่สัญญา เครือข่าย พร้อมส่งต่อในรพ. ที่มีศักยภาพสูงกว่า ดูแลครบวงจร
• บัตรทอง สามารถรับบริการดูแลแบบประคับประคองในหน่วยบริการปฐมภูมิ-สหวิชาชีพในชุมชน
• การเลือกใช้สิทธิระหว่าง ประกันสังคม และ บัตรทอง ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของแต่ละบุคคล หากเป็นพนักงานบริษัทที่มีประกันสังคม อาจต้องใช้สิทธิในโรงพยาบาลที่เลือกไว้เท่านั้น ขณะที่ บัตรทองมีความยืดหยุ่นมากกว่า ในแง่ของการเข้ารับบริการ โดยการคลอดบุตรที่ไม่จำกัดค่าใช้จ่าย(ประกันสังคมไม่จำกัดค่าใช้จ่ายในการรักษามะเร็ง)
ส่วนค่ารักษาเกี่ยวกับฟัน
รักษารากฟัน
• บัตรทอง : รักษารากฟันแท้ ใส่รากฟันเทียม ไม่เสียค่าใช้จ่าย
• ประกันสังคม : ไม่รวมอยู่ในสิทธิ ดังนั้นต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง
ศัลยศาสตร์ช่องปาก
• บัตรทอง : รักษาได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
• ประกันสังคม : โรคหรืออุบัติเหตุทางช่องปาก เข้ารักษาที่รพ.ตามสิทธิได้ ไม่เสียค่าใช่จ่าย
ตรวจฟัน
• บัตรทอง : ตรวจวินิจฉัยโรค เอกซเรย์ฟัน รวมถึงการให้ยาก่อนและหลังการรักษา โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
• ประกันสังคม : รวมอยู่ในค่ารักษา 900 บาท ทั้งนี้ การตรวจสุขภาพช่องปากขัดและทำความสะอาดฟัน เป็นสิทธิพื้นฐานที่คนไทยทุกคนมีสิทธิได้รับยังหน่วยบริการที่สปสช.กำหนด
เคลือบฟลูออไรด์
• บัตรทอง : รักษาได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ประกันสังคม : การเคลือบฟลูออไรด์เป็นสิทธิพื้นฐานที่คนไทยทุกคนมีสิทธิได้รับยังหน่วยบริการที่สปสช.กำหนด
ขูดหินปูน อุดฟัน ถอนฟัน ผ่าฟันคุด
• บัตรทอง : รักษาได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
• ประกันสังคม : รักษาได้ในวงเงินไม่เกิน 900 บาท/ปี หากมีส่วนเกินจะต้องจ่ายเอง
รักษาโรคเหงือก ปริทันต์
• บัตรทอง : รักษาได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
• ประกันสังคม : ไม่รวมอยู่ในสิทธิ ดังนั้นต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง
การใส่ฟันเทียม ฟันปลอม
• บัตรทอง : ใส่ฟันเทียมฐานอะคริลิกได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
ประกันสังคม : ไม่กำหนดชนิดวัสดุฟันปลอม
• ใส่ฟันเทียมฐานอะคริลิกชนิดถอดได้บางส่วน จำนวน 1-5 ซี่ เบิกได้ไม่เกิน 1,300 บาท
• ใส่ฟันเทียมฐานอะคริลิกชนิดถอดได้บางส่วน จำนวนมากกว่า 5 ซี่ เบิกได้ไม่เกิน 1,500 บาท
• ใส่ฟันปลอมชนิดถอดได้ทั้งปากบนหรือล่าง เบิกได้เท่าที่จ่ายจริงในวงเงินไม่เกิน 2,400 บาท ภายในระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันที่ใส่ฟันเทียม
• ใส่ฟันปลอมชนิดถอดได้ทั้งปากบนและล่าง เบิกได้เท่าที่จ่ายจริงในวงเงินไม่เกิน 4,400 บาท ภายในระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันที่ใส่ฟันเทียม
นอกจากนี้ผู้ประกันตนจะต้องสำรองจ่ายค่าใส่ฟันปลอมไปก่อน จากนั้นค่อยนำเอกสารและใบเสร็จรับเงินไปติดต่อเบิกได้ที่สำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่ ข้อมูลล่าสุด 27 ก.พ. 68 หากมีการอัปเดตเพิ่มเติมจะรีบแจ้งให้ทราบ