หลานชาย โผล่งแจงอีกมุม "ยายนอนข้างถนน" สงสารแต่ไม่รู้จะทำไง

จากกรณีสุดเวทนา "ยายถูกทิ้งนอนข้างถนน" เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 68 สายไหมต้องรอดพร้อม จนท.พม. ลงพื้นที่ พหลโยธิน 54 ช่วยยายวัย 76 ปี ถูกลูกหลานไล่ออกจากบ้านมานอนข้างถนน ปล่อยให้ถูกมดและยุงกัด โดยเมื่อไปถึงพบนางพัชนี สุกแก้ว หรือ ยายริ้ว อายุ 76 ปี นอนอยู่ในสภาพอิดโรย เนื้อตัวมีรอยตุ่มยุงกัดตามแขน เบาะที่ใช้อาศัยหลับนอนมีคราบปัสสาวะและอุจจาระจนส่งกลิ่นเหม็น ทีมข่าวพยายามสอบถามข้อมูล แต่นางพัชนีไม่สามารถโต้ตอบได้

เมื่อสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ให้ข้อมูลว่า ในอดีตยายริ้วเป็นแม่ค้าขายโจ๊กอยู่ในซอย จนกระทั่งเกิดล้มป่วยได้ปีกว่าจากโรคเบาหวานก็เลิกขายไป และไปขออาศัยอยู่ที่ห้องเช่าเล็กๆ กับหลานชาย แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ ๆ ยายริ้วก็ออกมานอนเร่ร่อนตามที่เห็น ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าในตลาดหลายคนที่เห็นก็อดสงสารไม่ได้ คอยให้ข้าวให้น้ำ และเข้าไปเช็ดตัวทำความสะอาดให้อยู่ประจำ รวมถึงช่วยกันซื้อมุ้งให้กับยายริ้วไว้ใช้กางตอนนอน ซึ่งหากมีหน่วยงานไหมมาช่วยเหลือได้ก็อยากให้มาช่วยเพราะไม่อยากให้ยายริ้วต้องอยู่ในสภาพเวทนาแบบนี้



ต่อมา นายต่อ อายุ 31 ปี หลานชายของยายริ้วได้มาให้ข้อมูลกับเพจสายไหมต้องรอด ยอมรับว่ารู้สึกสงสารยายแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะตนก็ไม่ได้เงินมากพอที่จะช่วยเหลือ ทำได้เพียงคอยเอาข้าวเอาน้ำมาให้เท่านั้น ส่วนที่ยายมาอาศัยหลับนอนอยู่แบบนี้ ยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจเอามาทิ้ง ซึ่งตนพยายามขอให้ยายขึ้นไปนอนที่ห้องเช่าในแฟลตแล้ว แต่ยายกลับไม่ไปเอง เอาแต่อ้างว่าเกรงใจหลาน และที่ยายมานอนอยู่ตรงนี้ตนไม่ได้ไล่แต่ยายลงมาเอง ซึ่งเมื่อวานนี้ยายก็ยังเดินได้พูดได้ตามปกติ แต่ตนก็บอกกับยายไปว่ายายอยู่กับตนไม่ได้เพราะตนก็มีครอบครัวและมีปัญหาเรื่องการขับถ่ายของยาย ยายไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายได้

รู้ว่ายายลงมานอนอยู่นี่เป็นเดือนแล้ว ตนยังคอยเอาข้าวเอาน้ำมาให้ เมื่อคืนยายยังคุยกับตนอยู่เลย ถ้ายายยังพูดได้ยายคงบอกเจ้าหน้าที่แน่ๆว่ายายไม่อยากขึ้นไปเองเพราะเกรงใจหลานกับครอบครัว แต่หากมีหน่วยงานไหนเข้ามาช่วยเหลือนำตัวยายไปดูแลก็ยินดีเพราะตนไม่สามารถดูแลยายได้จริงๆเนื่องจากมีเงินไม่มากพอ

เบื้องต้น นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ได้ประสาน กรมกิจการผู้สูงอายุ เข้าช่วยเหลือนำตัวยายริ้วไปส่งที่โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ เพื่อตรวจเช็คอาการ และนำส่งต่อให้กับเจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในการดูแลคุ้มครองต่อไป