กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ เจ้าพนักงานตำรวจ กก.1 บก.ปคม. นำโดย ว่าที่ พ.ต.ท.สุรศักดิ์ หญีตบึ้ง สว.กก.1 บก.ปคม., ด.ต.อิศรา สิทธิจำรูญ, ด.ต.หญิง นฤรณัณ ถิ่นวงษ์เกอ, จ.ส.ต.วีรพงษ์ ปิยะดา และ ส.ต.อ.บรรพต มณีอินทร์ ผบ.หมู่ กก.1 บก.ปคม. ร่วมกันจับกุม นายสมประสงค์ฯ อายุ 28 ปี หนุ่มบัญชีม้า ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 405/2568 ลงวันที่ 21 ม.ค. 68
ในความผิดฐาน “เปิดหรือ ยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก หรือบัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตนเองโดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อกิจการของตนหรือกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง หรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการ โทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดอาญาอื่น” สถานที่จับกุม ริมถนนฝั่งตรงข้ามสนามกีฬา ต.บ้านหมอ อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี
พฤติการณ์ ด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปคม ได้ทำการสืบสวนจับกุมกลุ่มผู้กระทำความผิดคดีเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในความผิดเกี่ยวกับการเปิดหรือให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก หรือยอมให้บุคคลอื่นใช้หมายเลขโทรศัพท์สำหรับบริการ โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
โดยในคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงประมาณกลางปี พ.ศ.2566 ได้มีกลุ่มผู้ต้องหาซึ่งเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นมิจฉาชีพโทรมาหาผู้เสียหายอ้างว่าผู้เสียหายได้นำบัตรประจำตัวประชาชนไปเปิดเป็นบัญชีม้าและแจ้งว่า ผู้เสียหายมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน โดยกลุ่มผู้กระทำความผิดได้ทำการหลอกหลวงผู้เสียหายให้โอนเงินเข้าบัญชีของกลุ่มผู้ต้องหา ซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและแจ้งว่าจะนำเงินของผู้เสียหายไปทำการตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินหรือไม่ ผู้เสียหายหลงเชื่อได้ทำการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของนายสมประสงค์ฯ (ผู้ต้องหา) จำนวน 4 ครั้ง เป็นจำนวนเงินประมาณ 2,200,000 บาท ต่อมาภายหลังทราบว่ากลุ่มผู้กระทำความผิดเป็นกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่กำลังระบาดอยู่ในประเทศไทย จึงเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.บางเขน ให้ดำเนินคดีกับนายสมประสงค์ฯ กับพวก
พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหา ต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจฝ่ายสืบสวนของ กก.1 บก.ปคม. ได้ทำการสืบสวนพฤติกรรมรวมถึงประวัติของ นายสมประสงค์ฯ พบว่าผู้ต้องหามีประวัติเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด คดีลักทัพย์ คดีการพนัน และล่าสุดได้นำบัญชีธนาคารของตนเองขายให้กับกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพื่อใช้ในการรับโอนเงินเพื่อทำการหลอกลวงผู้เสียหาย ซึ่งหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ทำการสืบสวนพบว่านายสมประสงค์ฯ ได้หลบหนีการจับกุม โดยได้ทำงานรับจ้างทั่วไปและรับเฝ้าร้านจำหน่ายพระของเพื่อนในพื้นที่ ต.บ้านหมอ อ.บ้านหมอจ.สระบุรี
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปคม. ได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสระบุรี เพื่อสืบสวนหาข่าวและทำการจับกุม โดยได้พบตัวนายสมประสงค์ฯ บริเวณริมถนนฝั่งตรงข้ามสนามกีฬา ต.บ้านหมอ อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี จากนั้นจึงทำการจับกุมและนำส่งพนักงานสอบสวน สน.บางเขน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบถามนายสมประสงค์ฯ ให้การรับว่าตนเองได้เห็นประกาศรับซื้อบัญชีธนาคารผ่านทางเพจออนไลน์ โดยรับซื้อบัญชีธนาคารในราคาบัญชีละ 300 บาท ประกอบกับช่วงเวลาดังกล่าวตนเองมีปัญหาด้านการเงินจึงเปิดบัญชีธนาคาร พร้อมหมายเลขโทรศัพท์ขายให้กับกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยคาดไม่ถึงว่าบัญชีธนาคารที่ขายไปนั้นจะมียอดรับโอนเงินถึง 2 ล้านบาท
ตรวจสอบประวัติของนายสมประสงค์ พบประวัติการก่อเหตุในหลายคดี
1. ปี 2552 ข้อหา ร่วมกันในข้อหาลักทรัพย์ในเคหสถาน สภ.บ้านหมอ จ.สระบุรี (จับกุมแล้ว)
2. ปี 2563 ข้อหา ร่วมกันเล่นการพนันสลากกินรวบโดยไม่ได้รับอนุญาต สภ.บ้านหมอ จ.สระบุรี หมายจับศาลแขวงสระบุรีที่ 130/2563 ( ยังไม่ถูกจับกุม)
3. ปี 2565 ห้อหา ลักลอบเล่นการพนันตามบัญชี ก. (สล๊อทแมชีน) โดยผิดกฏหมาย สภ.บ้านหมอ จ.สระบุรี (จับกุมแล้ว)
4. ปี 2565 ข้อหา ตัวการในข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 สภ.บ้านหมอ จ.สระบุรี (จับกุมแล้ว)
5. ปี 2565 ข้อหา เสพยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ประเภท 2 หรือประเภท 5 หรือเสพวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 หรือประเภท 2 เว้นแต่การเสพยาเสพติดให้โทษในประเภท 2 หรือวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 สภ.บ้านหมอ จ.สระบุรี (จับกุมแล้ว)