ถือว่าเป็นเรื่องสะเทือนใจครั้งใหญ่ หลังจากที่สื่อหลายสำนักในต่างประเทศได้รายงานการเกิดเหตุจลาจลครั้งใหญ่ เมื่อนักโทษชายจำนวนมากกว่า 4,000 ราย แหกคุกหลบหนีออกมาจากเรือนจำมุนเซนเซ (Muzenze) ในเมืองโกมา ประเทศคองโก เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา ภายหลังจากนักรบจากกลุ่มกบฏ M23 เริ่มเข้ายึดครองเมือง จนทำให้สถานการณ์ในเมืองตกอยู่ในความโกลาหล
ตามรายงานของสหประชาชาติ (UN) ระบุว่า ในระหว่างที่ก่อเหตุแหกคุกหมู่ ฝูงนักโทษชายได้ทำการล่วงละเมิดนักโทษหญิงจำนวนมากถึง 165 - 167 ราย ก่อนที่จะจุดไฟเผาไปพร้อมกับการวางเพลิงเผาเรือนจำ โดยมีนักโทษชายบางรายถูกเจ้าหน้าที่เรือนจำสังหาร แต่ก็ยังมีหลายรายหลบหนีไปได้
ด้าน เซฟ มากังโก โฆษกสำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เปิดเผยกับซีเอ็นเอ็น ระบุว่า ว่านักโทษหญิง 165 รายที่ถูกล่วงละเมิดโดยนักโทษชายที่หลบหนี ส่วนใหญ่เสียชีวิตในกองเพลิง มีเพียง 9 - 13 รายที่รอดชีวิตจากกองเพลิง
คลิปวิดีโอที่ถูกเผยแพร่บนโซเชียลมีเดีย แสดงให้เห็นจากภายนอกเรือนจำ มีเปลวไฟและกลุ่มควันพวยพุ่ง กลุ่มคนจำนวนมากซึ่งเชื่อว่าเป็นนักโทษกำลังวิ่งหนีออกมา ในขณะเดียวกันก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ภายหลังจากเกิดเหตุ ปัจจุบันสภาพของเรือนจำแห่งนี้เหลือเพียงแต่ซากความเสียหาย และถูกปล่อยทิ้งไว้เช่นนั้น ในขณะที่ แพทริค มูยายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการสื่อสารของคองโก เผยแถลงการณ์ประณามเหตุประณามอาชญากรรมอันโหดร้ายและโหดเหี้ยมครั้งนี้
สำหรับ เมืองโกมา เป็นเมืองใหญ่ในประเทศคองโก มีประชากรมากกว่าล้านราย ซึ่งกลุ่มกบฏ M23 ที่ได้รับการสนับสนุนจากรวันดา ประเทศในแอฟริกา ได้รุกคืบเข้ามายึดครองพื้นที่อย่างรวดเร็วผ่านทางฝั่งตะวันออกของคองโก สถานการณ์ดังกล่าวทำให้เมืองโกมาตกอยู่ในความโกลาหล มีศพถูกทิ้งเกลื่อนท้องถนน และมีขีปนาวุธถูกยิงตกลงมาใส่พื้นที่ชุมชนและบ้านเรือนประชาชน
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากโจมตีในเมืองโกมา UN รายงานว่า มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 2,900 ราย โดยมีศพถูกฝัง 2,000 ศพ และอีก 900 ศพ ยังคงอยู่ในห้องเก็บศพของเมือง
ข้อมูลจาก BBC และ CNN