เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2568 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยหลังการประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยระบุถึงความคืบหน้าของโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3 ว่าขณะนี้กำลังพิจารณาปรับลดเงื่อนไขบางประการ เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้จ่ายได้สะดวกยิ่งขึ้น
ในการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้มีการหารือเกี่ยวกับรายละเอียดของโครงการ ซึ่งคาดว่าจะใช้เม็ดเงินกว่า 1.5 แสนล้านบาทเข้าสู่ระบบ ทั้งนี้ มีการยืนยันว่าโครงการจะเดินหน้าแน่นอนภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 โดยจะมีการประชุมเพิ่มเติมอีก 1-2 ครั้ง ก่อนนำเสนอให้คณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พิจารณาในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ก่อนเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป
นายจุลพันธ์กล่าวว่า หนึ่งในประเด็นที่มีการพิจารณาคือการปรับลดเงื่อนไขบางส่วน เพื่อให้กลไกการหมุนเวียนของเงินมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเอื้อต่อการใช้จ่ายของประชาชน โดยเฉพาะในภาคธุรกิจ
"เงินดิจิทัล เฟส 3 จะแตกต่างจากสองเฟสที่ผ่านมา โดยเฟสแรกเน้นช่วยเหลือกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและบัตรคนพิการ 1.4 ล้านคน ส่วนเฟสสอง มุ่งเป้าไปที่ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปจำนวน 3 ล้านคน ซึ่งทั้งสองเฟสสามารถถอนเงินสดออกมาใช้ได้" นายจุลพันธ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในเฟส 3 การโอนเงินจะอยู่ในรูปแบบกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งไม่สามารถถอนออกมาเป็นเงินสดได้ แต่สามารถใช้จ่ายผ่านร้านค้าที่ลงทะเบียนกับกระทรวงการคลัง นอกจากนี้ ยังมีข้อกำหนดให้ใช้จ่ายภายในเขตอำเภอตามบัตรประชาชนของแต่ละบุคคลในช่วงแรก
รัฐบาลให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของระบบการเงินดิจิทัล โดยจะนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน
สำหรับผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟน รัฐบาลเตรียมเปิดให้ลงทะเบียนเพื่ออำนวยความสะดวก โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ใกล้เคียงกับช่วงที่มีการจ่ายเงินเฟส 3
ทั้งนี้ รายละเอียดทั้งหมดจะมีความชัดเจนหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในเร็ว ๆ นี้