เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกโซเชียล หลังเพจดัง อีซ้อขยี้ข่าว เผยแพร่คลิปชายรายหนึ่งจับลูกสุนัขโยนลงทะเลซ้ำๆ แม้ลูกสุนัขพยายามว่ายน้ำกลับเข้าฝั่งก็ยังถูกโยนลงไปอีก สร้างความไม่พอใจแก่ประชาชนที่รักสัตว์ ต่อมาชายคนดังกล่าวออกมาแสดงตัว อ้างว่าได้นำสุนัขตัวนั้นมาเลี้ยงเป็นอย่างดี แต่ล่าสุดกลับคำ ยอมรับว่าสิ่งที่พูดไปไม่เป็นความจริง
มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ (WDT) เปิดเผยว่า ชายในคลิปอายุ 19 ปี ใช้นามแฝงว่า "น้องอาร์ม" ได้ติดต่อเข้ามาแสดงความเสียใจและสำนึกผิด พร้อมยอมรับว่าคลิปดังกล่าวถูกถ่ายไว้ตั้งแต่เดือนกันยายน 2566 ที่ชายหาดแห่งหนึ่งในจังหวัดชุมพร โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นจากความคึกคะนองและแรงยุจากเพื่อนซึ่งเป็นคนถ่ายคลิป
ทั้งนี้ น้องอาร์มระบุว่า ตนกับเพื่อนที่ถ่ายคลิปได้ทะเลาะกันและแยกทางกันไปแล้วกว่า 2 ปี แต่เพื่อนคนนั้นนำคลิปมาเผยแพร่เพื่อล้างแค้นและทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียง นอกจากนี้ ยังมีการกล่าวหาและใส่ร้ายในเรื่องอื่นๆ ผ่านหลายบัญชีเฟซบุ๊ก ปัจจุบัน น้องอาร์มกำลังดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีกับอดีตเพื่อนรายนี้
ทาง WDT ได้ขอให้น้องอาร์มแสดงความรับผิดชอบโดยเข้ามอบตัวที่ สภ.เมืองชุมพร ซึ่งเจ้าตัวก็ยินดีทำตาม พร้อมกล่าวขอโทษประชาชนและผู้รักสัตว์ โดยอ้างว่าตนตั้งใจจะรับลูกหมาจรจัดมาเลี้ยง หลังจากเล่นสนุกด้วยการโยนลงทะเลแล้วก็นำกลับบ้านไปฝากครอบครัวที่จังหวัดระนอง
อย่างไรก็ตาม เรื่องราวกลับพลิกอีกครั้งเมื่อชาวเน็ตสังเกตว่าสุนัขที่ถูกโยนในคลิปเป็นตัวผู้ แต่สุนัขที่น้องอาร์มอ้างว่าเลี้ยงไว้ชื่อ โบโบ้ ปัจจุบันเป็นสุนัขเพศเมียและกลายเป็นแม่หมาไปแล้ว ทำให้เจ้าตัวต้องออกมายอมรับอีกครั้งว่า
"ผมเมา ผมไม่รู้ว่าหยิบลูกหมาตัวไหนกลับบ้าน"
น้องอาร์มสารภาพว่า หลังจากโยนลูกหมาลงทะเล มันสามารถว่ายน้ำขึ้นฝั่งไปหาแม่และพี่น้องของมัน ขณะที่ตนเองก็นั่งดื่มสุราต่อ ก่อนจะคว้าลูกหมาตัวหนึ่งกลับบ้านโดยไม่ได้รู้ว่าเป็นตัวไหน สุดท้ายพบว่าโบโบ้ที่เลี้ยงอยู่เป็นคนละตัวกับลูกหมาที่ตนโยนลงทะเล
ชะตากรรมของลูกหมาในคลิปยังเป็นปริศนา
เรื่องราวสุดพลิกผันนี้ทำให้สังคมตั้งคำถามถึงชะตากรรมของลูกหมาที่ถูกโยนลงทะเล เพราะตัวการเองก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่ามันเป็นอย่างไร ทาง WDT ได้แต่หวังว่า "ลูกหมาตัวนั้น" จะรอดปลอดภัยและมีชีวิตที่ดีในปัจจุบัน