จากกรณี น.ส.รุ่งอรุณ อ้างว่าตัวเองตั้งครรภ์ 9 เดือน แต่เมื่อถึงกำหนดคลอดกลับพบว่าลูกในท้องหายไป สร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วสังคม ก่อนที่สุดท้ายเจ้าตัวจะยอมรับสารภาพว่าไม่ได้ตั้งครรภ์จริง และเรื่องทั้งหมดเป็นการกุขึ้นมาเอง ล่าสุด "เอก สายไหมต้องรอด" ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเคสนี้บอกว่าตนเคยทักท้วงแต่แรกแล้ว แต่เขายืนยันว่าท้องจริง
เอก สายไหมต้องรอด ได้ออกมาเปิดเผยว่า ตั้งแต่ตอนที่ น.ส.รุ่งอรุณ เข้ามาร้องเรียนกับกลุ่มของเขา เรื่องราวที่เล่านั้นก็ดูมีพิรุธและไม่น่าเป็นไปได้ เขาจึงทักท้วงไปว่า อาจเป็นการคิดไปเอง แต่หญิงรายนี้ยังคงยืนยันหนักแน่นว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความจริง ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงนำเรื่องดังกล่าวไปให้ ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ช่วยตรวจสอบเพื่อค้นหาความจริง
นอกจากนี้ เอก สายไหมต้องรอด ยังระบุว่า หากพบว่า น.ส.รุ่งอรุณ จงใจกุเรื่องขึ้นมาก็ต้องมีการดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะทำให้เกิดความเสียหายต่อหลายฝ่าย ทั้งโรงพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ และผู้เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตามในส่วนของตนเอง เขาไม่รู้สึกกังวลเรื่องที่อาจถูกโรงพยาบาลฟ้องร้อง เพราะไม่ได้เคยพาดพิงถึงแพทย์หรือโรงพยาบาลแต่อย่างใด
ภายหลังจากที่ น.ส.รุ่งอรุณ ออกมายอมรับว่าตนเองไม่ได้ตั้งครรภ์จริง ทางโรงพยาบาลได้ประกาศว่าจะดำเนินคดีกับเธอและผู้เกี่ยวข้อง ฐาน นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และ หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เนื่องจากพฤติกรรมของเธอส่งผลให้โรงพยาบาลเสียชื่อเสียง และสร้างความเข้าใจผิดในวงกว้าง
ด้าน ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ที่ช่วยตรวจสอบเคสนี้ ได้เผยว่า น.ส.รุ่งอรุณ ได้มาสารภาพด้วยตัวเองว่า เธอไม่ได้ตั้งครรภ์จริง และขอโทษต่อแพทย์ พยาบาล และโรงพยาบาลที่เกี่ยวข้อง
กรณีของ น.ส.รุ่งอรุณ เป็นตัวอย่างของการสร้างเรื่องที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง ทั้งในแง่ของความเสียหายต่อโรงพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ และทำให้เกิดความตื่นตระหนกในสังคม แม้ว่าเธอจะออกมายอมรับผิดและขอโทษ แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นอาจไม่จบลงง่ายๆ
ขณะนี้ยังต้องติดตามว่าทางโรงพยาบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะดำเนินคดีต่อไปอย่างไร และกรณีนี้จะเป็นบทเรียนสำคัญเกี่ยวกับการใช้ข้อมูลที่เป็นเท็จในสังคมไทยได้หรือไม่