วันนี้ (31 มกราคม 2568) พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย ร้อยตำรวจเอก เขมชาติ ประกายหงษ์มณี ผู้อำนวยการกองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ นายพีระพล ปูรณะโชติ รองผู้ว่าการภาคกลางและใต้ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และนายธนะ โชคพระสมบัติ ผู้ช่วยผู้ว่าการ กฟภ. เขต 3 (ภาคกลาง) ลงพื้นที่ตรวจค้นโกดังต้องสงสัยในจังหวัดสมุทรสาคร ที่ลักลอบใช้ไฟฟ้าเพื่อตั้งเหมืองขุดเงินดิจิทัลผิดกฎหมาย
ปฏิบัติการ Bitforge Operation “รื้อเหมืองลับ” ครั้งนี้สืบเนื่องจากการร้องเรียนของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 3 (ภาคกลาง) ว่าพบการใช้ไฟฟ้าผิดปกติในโกดังหลายแห่ง โดยตรวจสอบพบว่าเป็นเครือข่ายขุดบิทคอยน์เถื่อน ที่ใช้ไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งได้ดำเนินการมาแล้วประมาณ 3 ปี รัฐเสียหายรวมรัฐเสียหายร่วม 500 ล้านบาท โดยขอให้ดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงได้มอบหมายให้กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ เป็นหน่วยงานรับผิดชอบทำการสืบสวน
โดยพบว่ามีเครือข่ายผู้ลักลอบกระทำความผิด ใช้โกดังลักษณะทำเป็นโรงงาน จำนวน 3 แห่ง ซึ่งบางแห่งเป็นโกดังร้างไม่มีบุคคลอาศัยอยู่ กระจายตัวในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ส่งผลให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้รับความเสียหายเป็นอย่างมากและกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ จึงได้ขอหมายค้นเข้าทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบเครื่องขุดสกุลเงินดิจิทัล จำนวน 1,788 เครื่อง ประกอบด้วย
พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุว่า ปฏิบัติการครั้งนี้เราสามารถยึดเครื่องอุปกรณ์ในการขุดบิดคอยน์ จำนวนมากที่สุดเท่าที่มีการจับกุมมา ซึ่งการกระทำดังกล่าวไม่เพียงแต่ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ แต่ยังกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและพลังงานของประเทศ โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ จะดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด พร้อมจะขยายผลการสืบสวนเพิ่มเติม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการกระทำผิดในลักษณะเดียวกันอีกในอนาคต และขอความร่วมมือเจ้าของและผู้พักอาศัยในอาคารพาณิชย์ ช่วยสังเกตพื้นที่โดยรอบ หากพบสิ่งผิดปกติหรือสถานที่ต้องสงสัย ให้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที ทั้งนี้ หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าเกี่ยวข้อง กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ จะดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด เพื่อรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ