เอก สายไหมต้องรอด ยอมรับเสียความรู้สึก หลังโดนดีเอสไอแจ้งความหมิ่นประมาท

15 มกราคม 2568

เอกภพ เหลืองประเสริฐ หรือ เอก สายไหมต้องรอด ยอมรับตรงๆ เสียความรู้สึก หลังโดนดีเอสไอแจ้งความหมิ่นประมาท ลั่นดีเอสไอไอต้องพิสูจน์ตัวเอง อะไรที่ไม่ถูกต้องก็ออกมาชี้แจง

จากกรณีที่ดีเอสไอแจ้งความหมิ่นประมาท เอกภพ เหลืองประเสริฐ หรือ เอก สายไหมต้องรอด ในข้อหา ใส่ความเทวดาดีเอสไอ ล่าสุด 15 ม.ค.68 นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าว โดยระบุว่าตนทราบเรื่องแล้ว รู้สึกประหลาดใจ ยอมรับว่ามีบ้างที่เสียความรู้สึก แต่ตนพูดในทางสุจริต สิ่งที่ตนพูดก็เอามาจากความคิดของชาวบ้าน เวลาเห็นข่าว ว่ามีคนทุจริตหรือมีผู้เสียหาย คนที่เจ็บช้ำก็คือตน

เอก สายไหมต้องรอด ยอมรับเสียความรู้สึก หลังโดนดีเอสไอแจ้งความหมิ่นประมาท

 

เพราะตนเป็นประชาชนผู้เสียภาษี รวมถึงคนไทยทุกคนก็เป็นประชาชนผู้เสียภาษี ซึ่งดีเอสไอเป็นหน่วยงานของรัฐบาล ประชาชนมีสิทธิตั้งคำถามและมีสิทธิ์ตรวจสอบ

ส่วนตอนนี้ไม่ได้ตัดพ้ออะไร แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและไม่รู้ว่ามีใครบ้างที่เข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ หรืออาจจะไปแตะเทวดา แต่ก็ถือว่าเรื่องนี้เป็นประสบการณ์ และตอนที่เข้ามาทำเรื่องนี้มีผู้ใหญ่หลายคนไม่อยากให้ตนเข้าไปยุ่ง แต่ในเมื่อมีผู้เสียหายเข้ามาร้องเรียนตนก็ช่วยเท่าที่จะช่วยได้ วันนี้สังคมไทยเป็นสังคมประชาธิปไตย ไม่ใช่คอมมิวนิสต์ ประชาชนมีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์หน่วยงานรัฐได้ 

เอก สายไหมต้องรอด ยอมรับเสียความรู้สึก หลังโดนดีเอสไอแจ้งความหมิ่นประมาท
 

ส่วนตอนนี้ไม่ได้ตัดพ้ออะไร แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและไม่รู้ว่ามีใครบ้างที่เข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ หรืออาจจะไปแตะเทวดา แต่ก็ถือว่าเรื่องนี้เป็นประสบการณ์ และตอนที่เข้ามาทำเรื่องนี้มีผู้ใหญ่หลายคนไม่อยากให้ตนเข้าไปยุ่ง แต่ในเมื่อมีผู้เสียหายเข้ามาร้องเรียนตนก็ช่วยเท่าที่จะช่วยได้ วันนี้สังคมไทยเป็นสังคมประชาธิปไตย ไม่ใช่คอมมิวนิสต์ ประชาชนมีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์หน่วยงานรัฐได้ 

นอกจากนี้ นายเอกภพ บอกอีกว่าสังคมเราต้องเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น อย่าไปคิดว่าตนมี Hidden Agenda อะไร ไม่ได้รู้จักใครเป็นการส่วนตัว และที่ผ่านมาก็เคยให้ความร่วมมือกับดีเอสไออยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ก็เคยเข้าไปเป็นพยานในคดีค้ามนุษย์ให้ด้วย ทำงานร่วมกันมาโดยตลอด อย่าให้ภาพบรรยากาศการทำงานร่วมกันต้องกลายเป็นเรื่องการจับผิดกัน ตนไม่ใช่คนจับผิดใครและไม่ใช่คนแบบนั้น 

ส่วนเรื่องคดีตอนนี้ได้ปรึกษากับฝ่ายกฎหมายแล้ว ถ้าตำรวจส่งหมายเรียกมาก็พร้อมไปรับทราบข้อกล่าวหา และยืนยันว่าจะยังทำหน้าที่ต่อไป ถึงแม้จะมีใครอยากให้หยุดช่วยเหลือประชาชน ตนก็จะทำหน้าที่นี้ต่อไป เพราะทุกวันมีชาวบ้านเข้ามาขอให้ช่วยเหลือเยอะ