2 นักบินต้องติดอยู่ในสถานีอวกาศต่ออีกเดือน จาก 8 วันกลายเป็นมากกว่า 9 เดือน

ก่อนหน้านี้ทาง องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือนาซา (NASA) ได้เผยภาพของ สุนิตา วิลเลียมส์ วัย 59 ปี นักบินอวกาศหญิงของนาซ่า ซึ่งเกิดภาวะผอมแห้งอย่างน่าตกใจ เนื่องจากสูญเสียน้ำหนักไปมาก หลังจากขึ้นไปถึงยังสถานีอวกาศนานาชาติ เมื่อเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา แต่ก็มีข้อมูลระบุว่ายานแคปซูล Crew Dragon ของ SpaceX จะพาวิลเลียมส์และเพื่อนนักบินอวกาศกลับบ้าน ซึ่งจะถึงโลกในเดือนกุมภาพันธ์ 2568

ทว่าล่าสุดดูเหมือนจะไม่ใช่อย่างที่เข้าใจเสียแล้ว เนื่องจากมีรายงานว่า เคสนักบินอวกาศ 2 คนขององค์การนาซา ได้แก่ สุนิตา วิลเลียมส์ และบุตช์ วิลมอร์ ต้องติดอยู่ในสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) นาน 8 เดือนจากเดิมที่ต้องอยู่เพียง 8 วัน เพราะปัญหาทางเทคนิคของยานอวกาศสตาร์ไลเนอร์ (Starliner) ของบริษัทโบอิ้ง อาจจะยังไม่ได้กลับบ้านตามเวลาที่คิดการณ์ก่อนหน้านี้ 

ตามรายงานระบุว่า เนื่องจากภารกิจ ครูว์ไนน์ จะเดินทางกลับโลกได้ก็ต่อเมื่อยานดรากอนครูว์ในภารกิจครูว์เท็น (Crew-10) เดินทางมาสับเปลี่ยนเท่านั้น แต่เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 67 นาซาประกาศว่า ต้องเลื่อนการเดินทางของครูว์เท็นออกไป จากเดือน ก.พ. เป็นปลายเดือน มี.ค. 2568 นั่นหมายความว่า วิลเลียมส์และวิลมอร์ต้องอยู่ในอวกาศนานขึ้นอีกประมาณ 1 เดือน รวมแล้วพวกเขาจะใช้เวลาอยู่ในอวกาศมากกว่า 9 เดือน จากเดิมที่ต้องอยู่เพียง 8 วัน

โดย วิลเลียมส์และวิลมอร์ขึ้นสู่อวกาศในเดือน มิ.ย. 2023 โดยเป็นนักบินทดสอบยานอวกาศสตาร์ไลเนอร์ ซึ่งเมื่อยานสตาร์ไลเนอร์เกิดปัญหาและพวกเขาไม่สามารถกลับโลกมากับมันได้ นักบินอวกาศทั้งสองก็ได้เข้าร่วมภารกิจครูว์ไนน์ และจะกลับโลกหลังจากผ่านช่วงส่งมอบภารกิจให้กับครูว์เท็น

ด้าน นาซาบอกว่า ครูว์เท็นจะออกเดินทางช้ากว่าที่คาดไว้อย่างน้อย 1 เดือน เนื่องจากทีมงานของนาซาและสเปซเอ็กซ์ "ต้องการเวลาในการประมวลผลยานอวกาศดรากอนลำใหม่สำหรับภารกิจนี้"

อย่างไรก็ตาม นาซา ระบุว่า นาซาและสเปซเอ็กซ์ได้ประเมินตัวเลือกต่างๆ สำหรับการจัดการเดินทางครั้งต่อไป ซึ่งรวมถึงการใช้ยานอวกาศดรากอนอีกลำหนึ่ง หลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว ทีมงานได้ตัดสินใจว่าควรปล่อยภารกิจครูว์เท็นในช่วงปลายเดือน มี.ค. หลังจากการสร้างยานอวกาศดรากอนลำใหม่เสร็จสิ้น ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการตอบสนองความต้องการของนาซาและบรรลุวัตถุประสงค์ของสถานีอวกาศในปี 2025

ข้อมูลจาก CNN