thainewsonline

รู้แล้ว "โนโรไวรัส" ระบาดหนักในจีน ต้นตอมาจากไหน

13 ธันวาคม 2567
36
รู้แล้ว "โนโรไวรัส" ระบาดหนักในจีน ต้นตอมาจากไหน

รู้แล้ว "โนโรไวรัส" ระบาดในจีน ถึกทนเจลแอลกอฮอล์ก็ทำอะไรไม่ได้ ยังไม่มีวัคซีน-ยารักษา แพร่กระจายง่ายมาก ต้นตอมาจากไหน

ข่าวการระบาดของ "โนโรไวรัส" ในจีนเป็นเรื่องที่ทำให้หลายคนกังวล และสงสัยว่าจะป้องกันตัวเองได้อย่างไรบ้าง เนื่องจากเป็นเชื้อที่แพร่กระจายได้ง่ายมาก อีกทั้งยังไม่มีวัคซีนหรือยารักษา แถมเจลแอลกอฮอล์ก็ทำอะไรไม่ได้  ล่าสุดเฟสบุ๊ค Center for Medical Genomics ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับ "โนโรไวรัส" พร้อมเผยต้นตอของการที่โนโรไวรัสแพร่ระบาด โดยระบุว่า 

รู้แล้วต้นตอ โนโรไวรัส ระบาดในจีน ถึกทนเจลแอลกอฮอล์ก็ทำอะไรไม่ได้ รู้แล้วต้นตอ โนโรไวรัส ระบาดในจีน ถึกทนเจลแอลกอฮอล์ก็ทำอะไรไม่ได้

โนโรไวรัสระบาดในเด็ก เรื่องที่ผู้ปกครองต้องรู้เกี่ยวกับสายพันธุ์ GII.4 Sydney[P16] และความท้าทายในโรงเรียน เจลแอลกอฮอล์ที่ใช้ล้างมือไม่สามารถทำลายโนโรไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การระบาดของโนโรไวรัสในจีนช่วงที่ผ่านมาส่งผลกระทบหนักต่อเด็ก โดยเฉพาะในโรงเรียน สาเหตุหลักมาจากเชื้อสายพันธุ์ GII.4 Sydney[P16] ที่แพร่กระจายได้รวดเร็วและทำให้เกิดอาการกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบรุนแรง นำไปสู่อาการอาเจียนและท้องเสีย

รู้แล้วต้นตอ โนโรไวรัส ระบาดในจีน ถึกทนเจลแอลกอฮอล์ก็ทำอะไรไม่ได้ รู้แล้วต้นตอ โนโรไวรัส ระบาดในจีน ถึกทนเจลแอลกอฮอล์ก็ทำอะไรไม่ได้

โนโรไวรัสเป็นเชื้อไวรัสที่แพร่กระจายได้ง่ายมาก โดยจะส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินอาหารเป็นหลัก ทำให้เกิดอาการอาเจียน ท้องเสีย และปวดท้อง มักพบการระบาดในสถานที่ที่มีคนอยู่รวมกันจำนวนมาก เช่น โรงเรียน สถานพยาบาล และเรือสำราญ

การแพร่เชื้อหลักคือผ่านทางการอาเจียรและอุจจาระสู่ปาก โดยอนุภาคไวรัสเล็กๆ จากผู้ติดเชื้อสามารถปนเปื้อนในอาหาร น้ำ หรือพื้นผิวต่างๆ ซึ่งเมื่อสิ่งปนเปื้อนเหล่านี้เข้าสู่ปาก ก็จะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ การติดต่อมีได้หลายวิธี

1. การสัมผัสโดยตรงกับอุจจาระหรืออาเจียนของผู้ติดเชื้อ แล้วนำเชื้อเข้าสู่ปากผ่านทางมือ

2. การรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อ มักเกิดจากการจัดการอาหารโดยผู้ที่ติดเชื้อ

3. การสัมผัสพื้นผิวที่ปนเปื้อนอุจจาระหรืออาเจียน แล้วนำมือมาสัมผัสปาก

ที่น่ากังวลคือ เชื้อนี้ติดต่อได้ง่ายมาก ใช้ไวรัสเพียงแค่ 10 อนุภาคก็สามารถทำให้ติดเชื้อได้แล้ว และผู้ติดเชื้อยังสามารถแพร่เชื้อผ่านทางอุจจาระได้นานหลายสัปดาห์หลังจากหายป่วยแล้ว ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อต่อไป

 

สถานการณ์การระบาดตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน

จากข้อมูลระหว่างปี 2007-2021 พบการระบาดของโนโรไวรัสในจีนทั้งหมด 1,725 ครั้ง โดย 89.22% เกิดขึ้นในโรงเรียนและศูนย์เด็กเล็ก ชี้ให้เห็นว่าเด็กในสถานที่เหล่านี้มีความเสี่ยงสูง ในปี 2015 พบว่าเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีติดเชื้อคิดเป็น 15.6% การติดต่อจากคนสู่คนมีสัดส่วนสูงถึง 73.16% ส่วนใหญ่มาจากการจัดการอาเจียนที่ไม่ถูกวิธีและการทำความสะอาดที่ไม่เพียงพอในโรงเรียน

รู้แล้วต้นตอ โนโรไวรัส ระบาดในจีน ถึกทนเจลแอลกอฮอล์ก็ทำอะไรไม่ได้ รู้แล้วต้นตอ โนโรไวรัส ระบาดในจีน ถึกทนเจลแอลกอฮอล์ก็ทำอะไรไม่ได้

อาการและความรุนแรงของโรค

เมื่อติดเชื้อโนโรไวรัส ผู้ป่วยจะมีอาการดังนี้

- ถ่ายเหลวเป็นน้ำ

- ปวดท้อง

- คลื่นไส้

- อาเจียน

- ปวดศีรษะ

- มีไข้ต่ำๆ

- ปวดเมื่อยตามตัว

- อ่อนเพลีย

อาการจะเริ่มแสดงภายใน 24-48 ชั่วโมงหลังได้รับเชื้อ และอาจอยู่นาน 2-3 วัน ในรายที่รุนแรง โดยเฉพาะเด็กที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ อาจเกิดภาวะขาดน้ำรุนแรงจนเป็นอันตรายถึงชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที

กรณีการระบาดในเซี่ยงไฮ้

เหตุการณ์ระบาดในเซี่ยงไฮ้เริ่มต้นเมื่อเด็กคนหนึ่งกลับมาเรียนหลังหายจากอาการป่วยครบ 72 ชั่วโมง วันที่ 27 เมษายน 2024 ศูนย์ควบคุมโรคเขตผู่ตงได้รับรายงานว่ามีเด็กหลายคนอาเจียนในโรงเรียนอนุบาล จากการสอบสวนพบว่าเด็กคนแรกเคยมีอาการอาเจียนและท้องเสียที่บ้าน แต่หลังจากหายดีครบ 72 ชั่วโมงจึงกลับมาเรียนในวันที่ 25 เมษายน หลังจากนั้นไม่นาน มีเด็กอีก 11 คนเริ่มแสดงอาการ

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ดำเนินการหลายอย่างเพื่อควบคุมการระบาด ทั้งเพิ่มมาตรการตรวจสอบและทำความสะอาดในโรงเรียน กำหนดให้เด็กที่ป่วยต้องพักอยู่บ้านจนกว่าจะหายดีครบ 72 ชั่วโมงก่อนกลับมาเรียน มีการเก็บตัวอย่างจากเด็กและสิ่งแวดล้อมเพื่อตรวจหาเชื้อ ผลยืนยันว่าเป็นการระบาดของโนโรไวรัส เด็กทุกคนหายเป็นปกติภายในวันที่ 6 พฤษภาคม 2024

 

ช่องว่างภูมิคุ้มกันจากช่วงล็อกดาวน์โควิด-19

การระบาดที่เพิ่มขึ้นในช่วงหลังมีความเชื่อมโยงกับช่องว่างภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นในช่วงล็อกดาวน์โควิด-19 เพราะมาตรการเว้นระยะห่างและการปิดโรงเรียนทำให้การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อต่างๆ รวมถึงโนโรไวรัสลดลงมาก การที่เด็กถูกกักตัวและมีโอกาสสัมผัสเชื้อน้อยลง ทำให้ไม่ได้สร้างภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ

เมื่อโรงเรียนเปิดอีกครั้งในเดือนกันยายน 2020 และกิจกรรมทางสังคมกลับมาเป็นปกติ จำนวนผู้ป่วยโนโรไวรัสก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อเด็กๆ กลับมาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แออัดซึ่งเชื้อแพร่กระจายได้ง่าย การกลับมาสัมผัสเชื้ออย่างฉับพลันนี้นำไปสู่การระบาด โดยเฉพาะในโรงเรียนและศูนย์เด็กเล็กที่เด็กอยู่ใกล้ชิดกัน

รู้แล้วต้นตอ โนโรไวรัส ระบาดในจีน ถึกทนเจลแอลกอฮอล์ก็ทำอะไรไม่ได้ รู้แล้วต้นตอ โนโรไวรัส ระบาดในจีน ถึกทนเจลแอลกอฮอล์ก็ทำอะไรไม่ได้

ผลกระทบต่อสาธารณสุข

ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนหรือยารักษาโนโรไวรัสโดยเฉพาะ การรักษาจึงทำได้เพียงบรรเทาอาการ เช่น ให้สารน้ำเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ และให้ยาแก้อาเจียนถ้าจำเป็น ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงหรือขาดน้ำมากอาจต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อรับน้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ

วิธีป้องกันที่ดีที่สุด 

- ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ (เจลแอลกอฮอล์ไม่สามารถทำลายโนโรไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ) โดยเฉพาะหลังเข้าห้องน้ำ ก่อนกินอาหาร และหลังเปลี่ยนผ้าอ้อม

- หลีกเลี่ยงอาหารและน้ำที่ไม่สะอาด

- ทำความสะอาดพื้นผิวที่ผู้ป่วยสัมผัสหรือที่อาจปนเปื้อนด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ

- ผู้ป่วยควรงดทำอาหารให้ผู้อื่นจนกว่าจะหายดีอย่างน้อย 48 ชั่วโมง

- เด็กที่ป่วยควรหยุดเรียนจนกว่าจะหายดีเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ

สรุปได้ว่า เหตุการณ์เหล่านี้แสดงให้เห็นความท้าทายอย่างต่อเนื่องจากการระบาดของโนโรไวรัสในพื้นที่ปิด เช่น โรงเรียน และย้ำเตือนถึงความสำคัญของการปฏิบัติตามแนวทางสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ทั้งเรื่องการกักตัวและสุขอนามัย เพื่อลดโอกาสเกิดการระบาดในอนาคตอย่างมีประสิทธิภาพ

ขอบคุณ  Center for Medical Genomics

Thailand Web Stat