ชาวบ้านควรอพยพ เส้นทาง "พายุไต้ฝุ่นหยินซิ่ง" อัปเดตล่าสุด

หลังจากที่ กรมอุตุนิยมวิทยา ได้ออกมายืนยันว่า พายุโซนร้อนหยินซิ่ง (YINXING) จะไม่กระทบไทยมากนัก แต่ อิทธิพลของหยินซิ่งสามารถทำให้อากาศไทยมีความแปรปรวน ซึ่งช่วงวันที่ 8 - 13 พ.ย.2567 ยังต้องติดตามสถาณการณ์พายุโซนร้อนหยินซิ่ง (YINXING หมายถึง ต้นไม้ท้องถิ่นในประเทศจีน สาธารณรัฐประชาชนจีน) ในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก (ทางด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์) คาดว่าจะเคลื่อนลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบน 

โดยในช่วงที่มวลอากาศเย็นแผ่ลงปกคลุมประเทศไทยตอนบน จึงยังไม่มีผลกระทบกับประเทศไทยในขณะนี้ ซึ่งแม้ว่า พายุหยินซิ่ง จะไม่เข้าสู่ประเทศไทย แต่คาดว่าจะมีผลทำให้ วันที่ 5 พ.ย. ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุไต้ฝุ่นระดับ 1 และ 2 ตามลำดับ (แรงสูงสุด = 5)

วันที่ 8 พ.ย. เปลี่ยนทิศทางเป็นเคลื่อนที่ไปทางตะวันตก และอ่อนกำลังลงเป็นพายุไต้ฝุ่นระดับ 1 ขึ้นฝั่งทำให้ฝนตกหนักมากในพื้นที่ทางตอนบนของฟิลิปปินส์
วันที่ 10 พ.ย. เคลื่อนที่ไปทางตะวันตกลงสู่ทะเลจีนใต้
วันที่ 12 - 14 พ.ย. ขึ้นฝั่งโดยประมาณ ที่พื้นที่ตอนใต้ของเมืองฮอยอัน

ล่าสุด รอยเตอร์ รายงานว่า ทางการ ฟิลิปปินส์ แถลงแนะนำให้ประชาชนในจังหวัดเอาโรราอพยพและสำรองอาหาร รวมถึงสั่งการให้ทหารเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับพายุไต้ฝุ่นหยินซิ่ง ที่ความเร็วลม 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขณะเคลื่อนตัวเข้าใกล้ชายฝั่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

โดย นายกิลแบร์โต เตโอโดโร (Gilberto Eduardo Gerardo Cojuangco Teodoro) รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมฟิลิปปินส์ ร้องขอให้ประชาชนในชุมชนห่างไกลอพยพล่วงหน้าเพราะหน่วยกู้ภัยอาจไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ดังกล่าวได้หากได้รับผลกระทบจากพายุ

"หน่วยงานรัฐบาลต่างๆ ร่วมกันออกคำเตือน วางแผนล่วงหน้า จัดเตรียมของกินของใช้ที่จำเป็นล่วงหน้า" นายเตโอโดโรกล่าวก่อนเสริมว่าเขื่อนต่างๆ กำลังปล่อยน้ำเพื่อเพิ่มระดับการรองรับและป้องกันน้ำท่วม

พร้อมกันนี้ รายงานระบุอีกว่าพายุอาจขึ้นฝั่งจังหวัดเอาโรราช่วงวันที่ 7 - 8 พ.ย. คาดว่าอิทธิพลของพายุจะก่อให้เกิดฝนตกหนักรอบๆ จังหวัดคากายัน ทางตอนเหนือ รวมถึงหลายเมืองในพื้นที่ใกล้เคียง และอาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชนราว 24 ล้านคน

อย่างไรก็ตาม สำหรับ พายุไต้ฝุ่นหยินซิ่งเป็นพายุลูกที่ 3 ในรอบไม่ถึง 1 เดือนที่พัดถล่มฟิลิปปินส์ ต่อจากพายุจ่ามีและไต้ฝุ่นกองเร็ยที่พัดถล่มเกาะลูซอนเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา คร่าชีวิตผู้คนไป 151 ราย และสูญหายอีก 21 ราย