สคบ.จ่อเรียก 3 บอสดารา ชี้แจงข้อมูล หลังโผล่นั่งแท่น ผอ. ร่วมบริหารบริษัทดัง
งานเข้า สคบ.จ่อเรียก 3 บอสดารา ชี้แจงข้อมูลสัปดาห์หน้า หลังโผล่นั่งแท่น ผอ. ร่วมบริหารบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด
จับตาต่อเนื่อง แผนธุรกิจขายตรงสินค้าออนไลน์ของบริษัทดัง ซึ่งมีเหล่าคนดังที่มีชื่อเสียงระดับประเทศเข้าไปเกี่ยวข้องในมิติงานการตลาดและการประชาสัมพันธ์ ซึ่งงานนี้มีผู้เสียหายจำนวนมาก เรื่องดังกล่าวไปถึง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นผู้ควบคุมดูแลคดี เบื้องต้นสั่งการให้ บก.ปคบ. ตั้งศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์เพื่อรับแจ้งความจากประชาชนได้รับความเดือดร้อนและตกเป็นผู้เสียหาย
ล่าสุดวันที่ 10 ต.ค. 67 ที่ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) บรรดาผู้เสียหายจากการลงทุนเปิดบิลเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ภายใต้การกำกับของบริษัทชื่อดังแห่งหนึ่ง โดย น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ ประธานอำนวยการศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่ายออนไลน์ และศูนย์ข่าวต้านโกง
ได้รวบรวมผู้เสียหายก่อนรวมตัวกันเดินทางเข้ายื่นเอกสารร้องเรียนต่อ นายธสรณ์อัฑฒ์ ธนิทธิพันธ์ เลขาธิการ สคบ. ขอให้ตรวจสอบการดำเนินงานของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด - The iCon Group Co., Ltd. โดยมีนายจิติภัทร์ บุญสม ผอ.กองคุ้มครองผู้บริโภค ด้านธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง (สคบ.) เป็นตัวแทนรับเรื่อง
ประธานอำนวยการศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่ายออนไลน์ และศูนย์ข่าวต้านโกง กล่าวว่า เนื่องด้วยศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่ายออนไลน์ และศูนย์ข่าวต้านโกง ได้รับการสอบถามและร้องเรียนจากประชาชนและผู้บริโภคเกี่ยวกับการดำเนินงานของ บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด - The iCon Group Co., Ltd. โดยมีความกังวลว่าอาจมีการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย หรือขาดการจดทะเบียนตามที่กฎหมายกำหนด จึงขอความอนุเคราะห์เลขาธิการ สคบ. ช่วยตรวจสอบบริษัทดังกล่าว ดังนี้
1.ตรวจสอบสถานะการจดทะเบียนว่าบริษัทดังกล่าวได้จดทะเบียนประกอบธุรกิจตามกฎหมายหรือไม่
2.ตรวจสอบการดำเนินงานว่ามีการปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองผู้บริโภคหรือไม่
3.ตรวจสอบการกระทำที่อาจเข้าข่ายการละเมิดสิทธิผู้บริโภค หรือมีการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบของ สคบ. หรือไม่ เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผู้บริโภคและประชาชน ทางศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่ายออนไลน์ และศูนย์ข่าวต้านโกง จึงขอความอนุเคราะห์ในการดำเนินการตรวจสอบและแจ้งผลให้ทราบเพื่อที่จะได้ประสานงานและให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ประชาชนต่อไป และขอให้เกิดมาตรการป้องกันจริง ๆ เสียที
เพราะ สคบ. คือผู้ออกใบอนุญาต ก็ควรรับผิดชอบดูแลบริษัทที่ตนเองออกใบอนุญาตไปด้วย ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยจนเกิดความเสียหายกับประชาชน ไม่อยากให้เป็นภาวะไฟไหม้ฟาง
ด้าน นายจิติภัทร์ บุญสม ผอ.กองคุ้มครองผู้บริโภค ด้านธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง (สคบ.) กล่าวว่า ปัจจุบันมีจำนวนผู้เสียหายที่ร้องเรียนเข้ามาในระบบของ สคบ. ตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 15 ราย ความเสียหายรายละ 200,000 บาท หรือร่วมล้านบาท อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่ สคบ. ได้รับเรื่องร้องเรียนเข้ามาแล้วนั้น เราก็ได้เป็นตัวแทนเจรจาไกล่เกลี่ยให้กับผู้เสียหาย โดยในจำนวนที่ร้องเรียนเข้ามา 15 ราย ยุติเรื่องไปแล้ว 12 ราย
ส่วนอีก 3 รายอยู่ระหว่างการเจรจา แต่ในส่วนของผู้เสียหายล็อตใหม่ที่กำลังจะเข้ามา ทาง สคบ. จะรับเรื่องเข้าไปตรวจสอบการประกอบธุรกิจอีกครั้ง เพราะว่า สคบ. ได้อนุญาตให้บริษัทดังกล่าวประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงไปเมื่อปี 2562 ส่วนหลังจากนั้นในปี 2565 ทางบริษัทได้กลับมายื่นขอจดทะเบียนขายตรง โดยบอกว่าที่ยื่นจดขายตรงเพราะบริษัทมีลักษณะจำหน่ายขายปลีกขายส่งสินค้า ขณะที่กำไรที่ได้บอกว่ามาจากส่วนต่างของสินค้าซื้อมาก ได้ราคาลดมาก ซื้อน้อยได้ราคาลดน้อย
ซึ่งในครั้งนั้นนายทะเบียนจึงมีคำสั่งไม่รับจดทะเบียนขายตรงให้กับบริษัท ทั้งนี้ ปัจจุบันความเสียหายของประชาชนมีจำนวนมาก และลักษณะการประกอบธุรกิจของบริษัทในภายหลังที่ขอยื่นจดทะเบียนอาจมีความแตกต่างกัน เป็นการเข้าระบบขายตรงหรือไม่ มีการชักชวนให้ร่วมลงทุนในลักษณะเครือข่ายหรือไม่ มีการแบ่งผลกำไรส่งต่อขึ้นมาในส่วนของแม่ข่ายเป็นลำดับขั้นหรือไม่ ตรงนี้ สคบ. จะเข้าไปตรวจสอบด้วย
สำหรับกรณีของดาราชื่อดังที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจดังกล่าว เผยแพร่ความน่าเชื่อของบริษัท จะมีผลอย่างไรหรือไม่ ว่า ในส่วนของธุรกิจขายตรง จะมีความผิดเฉพาะในส่วนของกรรมการและนิติบุคคลเท่านั้น แต่ในส่วนของอินฟลูเอนเซอร์ที่กระทำการชักชวนให้มาลงทุน ก็ต้องไปดูกฎหมายข้างเคียง เช่น พ.ร.ก.กู้ยืมเงินฯ เป็นต้น เพราะเป็นการโฆษณาชักชวนให้ลงทุน แต่ถ้าโฆษณาเพื่ออวดอ้างสรรพคุณสินค้า ตรงนี้จึงจะพิจารณากับ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภคฯ
ทั้งนี้ คาดว่าการที่ดาราขึ้นเวทีสัมมนา เผยแพร่ผลประกอบการต่าง ๆ ก็มองว่าเข้าองค์ประกอบของการชักชวน แต่ต้องดูเจตนาด้วยว่า ชักชวนโดยปกปิดเรื่องกำไรหรือผลประโยชน์หรือไม่ ซึ่งอาจเข้ากฎหมายอาญาเป็นการฉ้อโกงประชาชน
แต่ต้องพิจารณาองค์ประกอบ ดังนั้น การที่ดาราไปรับตำแหน่งบริหาร แล้วหากบริษัทมีความผิด ดาราก็จะมีความผิดเช่นกัน ทั้งนี้ ขั้นตอนการทำงานของ สคบ. หลังจากนี้ คือ สัปดาห์นี้ สคบ. จะลงพื้นที่ตรวจสอบการประกอบธุรกิจของบริษัท ส่วนสัปดาห์หน้าจะทำการเชิญบอสดาราต่าง ๆ มาให้ข้อมูล รวมทั้งผู้เสียหาย ว่าลักษณะการประกอบธุรกิจของบริษัทดังกล่าวผิดกฏหมายด้านใดบ้าง