8 ขวบไม่สบาย เสียชีวิตก่อนถึงมือหมอ แม่ใจสลายเห็นวงจรปิด ครูผิดเต็มๆ
นักเรียน 8 ขวบไม่สบายในห้องเรียน ขอความช่วยเหลือจากครูถึง 7 ครั้งใน 10 นาที สุดท้ายเสียชีวิต แม่ใจสลายเห็นวงจรปิด ครูผิดเต็มๆ
กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์ เมื่อสื่อต่างประเทศรายงานเหตุสลด หลังจากที่เด็กชายวัย 8 ขวบ ที่ไม่สบายในห้องเรียนและพยายามยกมือขอความช่วยเหลือจากครูถึง 7 ครั้งใน 10 นาที แต่กลับถูกครูเมิน จนสุดท้ายกว่าครูจะเข้ามาสนใจ ก็ทำให้การรักษาล่าช้าไปถึงครึ่งชั่วโมง แถมยังมีเหตุการณ์ที่เด็กชายตกบันไดขณะถูกครูพาออกไปจากห้อง และกว่าเด็กชายจะถูกนำตัวส่งถึงโรงพยาบาล เขาก็เสียชีวิตไปแล้ว
โดย แม่เด็กเล่าว่า เหตุสลดนี้เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนในเมืองฝูโจว ประเทศจีน ลูกชายของเธอซึ่งเรียนอยู่ชั้น ป.3 ไปโรงเรียนตามปกติในเช้าวันนั้น จนเวลาประมาณ 10:21 น. ลูกก็เริ่มมีอาการป่วย และพยายามจะยกมือส่งสัญญาณขอให้ครูช่วย ภายใน 10 นาที เด็กชายยกมือถึง 7 ครั้ง แต่ครูหญิงกลับเมินเฉย แถมยังบอกให้เด็กชายรอจนกว่าจะจบคาบวิชานั้น เพราะเธอนึกว่าเขาแค่อยากเข้าห้องน้ำ
ระหว่างนั้นเด็กชายที่อ่อนแรงทำได้แค่นอนฟุบลงไปบนโต๊ะ กระทั่งเวลา 10:53 น. ครูจึงเข้ามาดูและพาเด็กชายออกไปจากห้องเรียน ซึ่งแม่ชี้ว่าครูไม่ยอมแจ้งผู้ปกครองทันทีหลังเกิดเหตุ แค่อยากจะเอาตัวเด็กออกไปจากโรงเรียนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งครูหญิงบังคับให้เด็กชายเดินลงบันได ทั้งที่รู้ว่าเขาอ่อนแรงเกินกว่าจะเดินไหว จนเมื่อเขาร้องไห้ ครูก็ยังดุซ้ำ
ระหว่างนั้นตอนที่เด็กพยายามพยุงตัวกับราวบันได เขาก็ถูกครูดึงตัวจนตกจากบันไดมากระแทกพื้นบริเวณชั้น 2 และหมดสติ และ จุดที่เด็กชายตกลงมาเป็นมุมบอดของกล้องวงจรปิด จึงยากที่จะระบุรายละเอียดที่ให้ชัดเจนได้
ทว่ารายงานเผยว่า ทางโรงเรียนแจ้งผู้ปกครองให้ทราบหลังจากนั้น แต่เมื่อพ่อของเด็กชายมาถึง กลับถูก รปภ. ขวางไม่ให้เข้าโรงเรียน กระทั่งครูออกมารับให้เข้าไปลูกชาย พ่อก็ยิ่งโกรธจัดเมื่อพบว่าทางโรงเรียนไม่ได้พยายามจะปฐมพยาบาลใดๆ ครูไม่ได้เรียกรถพยาบาลมาทันที สุดท้ายเมื่อเด็กชายถูกนำตัวส่งถึงห้องฉุกเฉินที่โรงพยาบาล เขาก็เสียชีวิตแล้ว
ทางครอบครัวเชื่อว่าโรงเรียนและครูต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของลูกชาย แต่ทางโรงเรียนพยายามอธิบายว่าการเสียชีวิตของเด็ก เกิดขึ้นจากอาการเจ็บป่วยที่มีอยู่ก่อนหน้า ไม่ได้เกี่ยวกับการล้มใดๆ แต่พ่อแม่ไม่ยอมรับคำอ้างนั้น และตัดสินใจยื่นฟ้องเพื่อเอาผิดโรงเรียน ที่ละเลยต่อการจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินของเด็ก ทำให้ลูกชายได้รับความช่วยเหลือล่าช้าไปมาก ซึ่งคดีความกินเวลานานหลายปี
อย่างไรก็ตาม จนอีก 3 ปีต่อมา แม่เด็กจึงตัดสินใจนำภาพวงจรปิดจากห้องเรียน มาโพสต์ลงเว่ยป๋อในปี 2566 เผยให้เห็นภาพบีบหัวใจของเด็กชายที่พยายามขอให้ครูช่วยตอนที่ไม่สบาย แต่กลับไม่ได้รับความสนใจ โดยชี้ว่าท่าทีเมินเฉยของครูและการทำอะไรล่าช้า คือสิ่งที่นำมาสู่จุดจบอันเศร้าสลด ซึ่งนั่นทำให้เหตุการณ์นี้กลายมาเป็นที่สนใจของสื่อและคนในสังคม จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างอีกครั้ง
ข้อมูลจาก SAOstar และ Next Apple