"พายุลูกใหญ่" มาจริงหรือไม่ "อ.เจษฎ์" แจงชัดชัด หลังสะพัดท่วมหนักกว่าปี 54
"อ.เจษฎ์" ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ กางข้อมูลชัด หลังว่อนเตือน "อีก 5 วันจะเกิดพายุไต้ฝุ่นขนาดใหญ่ รุนแรงมาก แรงกว่าพายุยางิถึง 2 เท่า" อาจท่วมหนักกว่าปี 54
กลายเป็นประเด็นที่สร้างความฮือฮาไม่น้อย เมื่อมีผู้ใช้เฟชบุ๊ครายหนึ่งออกมาเตือนภัย "อีก 5 วันจะเกิดพายุไต้ฝุ่นขนาดใหญ่ ถล่มไต้หวันแบบชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และรุนแรงมาก แรงกว่าพายุยางิ" กรุงเทพฯ น้ำจะท่วมหนักกว่าปี 54 ถึงสองเท่า ล่าสุด "อ.เจษฎ์" ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กางข้อมูลชัด "พายุลูกใหญ่" มาจริงหรือไม่
โดยทางด้าน "อ.เจษฎ์" โพสต์ข้อความระบุว่า
"พายุที่ไต้หวัน (ถ้าเกิดจริง) ไม่ได้จะมุ่งหน้ามาไทยครับ"
วันนี้ มีการเสนอข่าวคำทำนายพายุ จากเพจของผู้ใช้เฟซบุ๊กคนหนึ่ง อ้างว่า "อีก 5 วันจะเกิดพายุไต้ฝุ่นขนาดใหญ่ ถล่มไต้หวันแบบชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และรุนแรงมาก แรงกว่าพายุยางิถึง 2 เท่า" (ดูลิงค์ข่าวด้านล่าง)
"พายุที่จะก่อตัวขึ้นในไต้หวันในอีก 5 วันข้างหน้า ดูดเอามวลลมทั้งหมดในเขตทะเลจีนใต้ได้แบบง่ายดาย จึงมีขนาดใหญ่และมีกำลังมาก .. หากพายุลูกนี้เคลื่อนตัวไปในทิศทางไหน จะก่อหายนะที่รุนแรงมาก" !?
และบอกด้วยว่า "พายุลูกนี้จะเคลื่อนตัวเข้าเวียดนามและเข้าประเทศไทย ทางฝั่งภาคเหนือตอนบนอย่างแน่นอน กรุงเทพฯ น้ำจะท่วมหนักกว่าปี 54 ถึงสองเท่าเลยทีเดียว" !?
ยิ่งไปกว่านั้น ยังบอกด้วยว่า "การเปลี่ยนแปลงของร่องมรสุมและพายุฝนแบบนี้ เกิดจากการรั่วออกมาของก๊าซไฮโดรเจน จากเตาปฏิกรณ์ของการทดสอบ "ดวงอาทิตย์เทียม" ที่จีน ทำให้ลมมรสุมรอบข้างถูกดูดหายไปรวมตัวกันเป็นเมฆที่กระจุกลอยอยู่ในเขตประเทศ เนปาล บังคลาเทศ อินเดียและตอนบนของเมียนมาร์" !?
ข่าวดังกล่าวนี้ได้รับการแชร์ออกไปอย่างกว้างขวาง และทำให้เกิดความตกอกตกใจกันไปทั่ว ทั้งที่ไม่ได้มาหน่วยงานผู้รับผิดชอบหรือสถาบันวิชาการใดๆ .. คำทำนายดังกล่าว ก็น่าจะนำเอามาจากแอพ Windy.com (ดูตามลักษณะภาพ)
ในความเป็นจริงแล้ว ตอนนี้ ยังไม่มีพายุไต้ฝุ่นก่อตัวที่บริเวณเกาะไต้หวัน แต่มีกลุ่มหย่อมความกดอากาศต่ำ ที่อาจจะพัฒนาขึ้นเป็นพายุโซนร้อนได้ครับ
โดยหน่วยงาน TyTech Taiwan ได้เผยแพร่ข้อมูลผ่านเพจเฟซบุ๊ก (ดูลิงค์ด้านล่าง) ว่าเมื่อ 8 โมงเช้าวันพุธที่ 25 กันยายน พายุดีเปรสชั่นในน่านน้ำทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะเกียวชู ประเทศญี่ปุ่น ได้ทวีกำลังแรงขึ้นกลายเป็นพายุโซนร้อน ชื่อพายุ ซีมารอน Cimaron (ภาษาตากาล็อก แปลว่า สัตว์ป่าดุร้าย คุมไม่อยู่) ซึ่งจะเคลื่อนที่เข้าไปในหมู่เกาะญี่ปุ่น และส่งผลกระทบต่อผู้ที่จะเดินทางไปญี่ปุ่นช่วงนี้ (ดูรูปประกอบ)
ประเด็นคือ กลุ่มหย่อมความกดอากาศต่ำ ที่อยู่ทางตอนใต้ของเกาะเรียวกิว ของประเทศญี่ปุ่น อาจจะส่งผลกระทบต่อเกาะไต้หวันได้ โดยคาดว่าในอีกไม่กี่วันนี้จะก่อตัวใหญ่ขึ้น และพัฒนาเป็นพายุโซนร้อนได้ในช่วงสุดสัปดาห์นี้
เส้นทางการเดินทางของพายุโซนร้อนลูกนี้ ยังไม่แน่ชัดว่าจะไปทางใด โดยอาจจะมุ่งตรงไปทางเกาะไต้หวัน หรืออาจจะพุ่งขึ้นไปทางเหนือ (ดูภาพประกอบ) ..
ซึ่งจะเห็นว่า ถ้าพายุโซนร้อนลูกนี้ เกิดขึ้นจริง (ยังไม่มีคำทำนายว่าจะพัฒนาขึ้นไปถึงระดับพายุไต้ฝุ่น) ก็จะอยู่บริเวณเกาะไต้หวัน ไม่ใช่มุ่งมาทางมาประเทศไทยครับ
สำหรับประเทศไทยเรา พยากรณ์อากาศใน 5-7 วันข้างหน้านี้ โดยกรมอุตุนิยมวิทยา ก็ไม่ได้บอกว่าจะมีพายุเข้ามาครับ มีแต่บอกว่า จะมีความกดอากาศสูง + ร่องมรสุม + ลมตะวันออกเฉียงใต้ ดังนี้
- ในช่วงวันที่ 30 ก.ย. – 2 ต.ค. 67 บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศลาวตอนบน เวียดนามตอนบน และทะเลจีนใต้ ประกอบกับร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก ในขณะที่มีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบนและอ่าวไทยตอนบน
- ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง โดยบริเวณกรุงเทพมหานครและปริมณฑลและภาคตะวันออกมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่
- ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม
- ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย ตลอดช่วง
ป.ล. เพิ่มเติมว่า "เตาปฏิกรณ์ดวงอาทิตย์เทียม" ของประเทศจีน นั้น มันก็คือ เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟิวชั่น ที่ยังศึกษาวิจัยกันอยู่ทั่วโลก ยังอีกนานมากกว่าจะใช้ผลิตไฟฟ้าได้จริง และ
ก็ไม่ได้มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก แต่อย่างไรครับ .. ไม่รู้เค้าไปเอาแนวคิดนี้มาจากไหน
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะเชื่อหรือแชร์ข่าวสารใดๆ ควรตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ เช่น เว็บไซต์ของกรมอุตุนิยมวิทยา หรือสื่อหลัก และควรติดตามข่าวสารเกี่ยวกับสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีประกาศเตือนภัยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ขอบคุณ Jessada Denduangboripant (อาจารย์เจษฎ์)